Present perfect tense เป็นอีกหนึ่ง tense พื้นฐานที่ถูกใช้บ่อย แต่ก็ถือเป็น tense ที่หลายๆ คนมักจะสับสนเช่นกัน
สำหรับใครที่อยากเข้าใจเรื่อง present perfect tense ให้ดีขึ้น ว่าคืออะไร ใช้ยังไง และใช้ตอนไหน ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหา มาให้ได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆ แล้ว เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆ พร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย
Present perfect tense คืออะไร
Present perfect tense คือรูปกริยาที่ใช้กับสิ่งที่เกิดในอดีต ซึ่งเกี่ยวเนื่องมายังปัจจุบัน โดยจะใช้โครงสร้าง “has/have + กริยาช่อง 3” ตัวอย่างเช่น
I have played this game for years.
ฉันเล่นเกมนี้มานานหลายปีแล้ว
(เล่นเกมนี้ตั้งแต่อดีต จนปัจจุบันก็ยังเล่นอยู่)
He has been to UK once.
เขาเคยไปประเทศอังกฤษมาแล้วหนึ่งครั้ง
(พูดถึงประสบการณ์ นับตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน)
Has/have been กับ has/have gone ต่างกันอย่างไร
ใน present perfect tense ถ้าเราจะพูดถึงประสบการณ์ว่าเคยไปไหนมา เราจะใช้คำว่า has/have been ไม่ใช่ has/have gone (คำว่า been เป็นกริยาช่อง 3 ของ be)
โดยคำว่า has/have gone นั้น จะใช้กับสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่แทน เช่น
My friend has gone to UK for a week. He will be back this Friday.
เพื่อนของฉันไปอังกฤษหนึ่งสัปดาห์ เขาจะกลับมาวันศุกร์นี้
(ไปเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันก็ยังอยู่ที่อังกฤษอยู่)
โครงสร้าง present perfect tense
Present perfect tense มีโครงสร้างคือ “has/have + กริยาช่อง 3” ซึ่งการเลือกใช้ has หรือ have จะต้องอิงตามประธาน ดังนี้
- คำว่า has ใช้กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 เช่น he, she, it, boy, cat, pen
- คำว่า have ใช้กับ I, you และประธานพหูพจน์ เช่น we, they, boys, cats, pens
She has lived in Bangkok since 2000.
เธออาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2000
They have lived in Bangkok since 2000.
พวกเขาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2000
ทั้งนี้ ในภาษาอังกฤษ ประโยคต่างชนิดกัน ก็จะมีโครงสร้างที่ต่างกัน ซึ่งสำหรับ present perfect tense นั้น ก็จะมีโครงสร้างสำหรับประโยคแต่ละชนิดตามนี้
ทบทวนความรู้
Subject แปลว่า ประธาน
Verb แปลว่า คำกริยา
Object แปลว่า กรรม หรือ ผู้ถูกกระทำ เช่นในประโยค I have loved you for 10 years. (ฉันหลงรักคุณมา 10 ปีแล้ว)
Complement แปลว่า ส่วนเติมเต็ม ซึ่งก็คือคำที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประธาน เวลาใช้มักจะตามหลัง linking verb (เช่น is, am, are, feel, seem, become) เช่นในประโยค I have been a teacher since 2010. (ฉันเป็นครูมาตั้งแต่ปี 2010 แล้ว)
ประโยคบอกเล่า
การใช้ present perfect tense ในประโยคบอกเล่า จะมีโครงสร้างและตัวอย่างประโยคดังนี้
โครงสร้าง
Subject + has/have + verb 3 + (object/complement)
ตัวอย่างประโยคเช่น
Anne has lived in London since 2020.
แอนอาศัยอยู่ในลอนดอนตั้งแต่ปี 2020
I have eaten fried insects twice.
ฉันเคยกินแมลงทอดมาแล้ว 2 ครั้ง
ประโยคปฏิเสธ
การใช้ present perfect tense ในประโยคปฏิเสธ จะมีโครงสร้างและตัวอย่างประโยคดังนี้
โครงสร้าง
Subject + has/have + not + verb 3 + (object/complement)
(เราสามารถเขียนย่อ has not เป็น hasn’t และ have not เป็น haven’t ได้)
ตัวอย่างประโยคเช่น
He hasn’t been to Japan.
เขาไม่เคยไปญี่ปุ่น
I haven’t finished my homework yet.
ฉันยังทำการบ้านไม่เสร็จ
เมื่อพูดถึงประสบการณ์ว่าไม่เคยทำอะไร เราสามารถใช้คำว่า never แทนคำว่า not ได้ ตัวอย่างเช่น
He has never been to Japan.
เขาไม่เคยไปญี่ปุ่น
ซึ่งถ้าเทียบกันแล้ว คำว่า never จะมีน้ำหนักมากกว่าคำว่า not โดยจะเป็นการเน้นว่าไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ประโยคคำถาม
การใช้ present perfect tense ในประโยคคำถามจำพวก yes-no question (คำถามที่ต้องตอบว่าใช่หรือไม่ใช่) จะมีโครงสร้างและตัวอย่างประโยคดังนี้
โครงสร้าง
Has/Have + subject + verb 3 + (object/complement)?
ตัวอย่างประโยคเช่น
Has Tim been to Canada?
ทิมเคยไปแคนาดาหรือเปล่า
Have you eaten yet?
คุณกินอะไรมาหรือยัง
หลักการใช้ present perfect tense
การใช้ present perfect tense จะมีประเด็นหลักๆ ที่ควรรู้ ได้แก่
Present perfect tense ใช้ตอนไหน
เราจะใช้ present perfect tense เมื่อ
1. กล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ที่ดำเนินต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
Anne has owned this car since 2010.
แอนเป็นเจ้าของรถคันนี้มาตั้งแต่ปี 2010
(เป็นเจ้าของรถตั้งแต่อดีต จนตอนนี้ก็ยังเป็นเจ้าของอยู่)
I have lived in Bangkok for 10 years.
ฉันอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ มา 10 ปีแล้ว
(อยู่ที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่อดีต จนตอนนี้ก็ยังอยู่)
การใช้ present perfect tense ในกรณีนี้ เราสามารถใช้ร่วมกับคำว่า since และ for เพื่อบอกเวลากำกับ ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน หรือเกิดขึ้นมานานเท่าไรแล้ว โดยที่
- “Since + เวลา” แปลว่า “ตั้งแต่…” เช่น
- Since 2000 – ตั้งแต่ปี 2000
- Since 9 years old – ตั้งแต่ตอน 9 ขวบ
- Since this morning – ตั้งแต่เมื่อเช้านี้
- “For + ระยะเวลา” แปลว่า “เป็นระยะเวลา…” เช่น
- For 10 years – เป็นระยะเวลา 10 ปี
- For a few days – เป็นระยะเวลาไม่กี่วัน
- For months – เป็นระยะเวลาหลายเดือน
2. กล่าวถึงประสบการณ์ว่าเคยหรือไม่เคยทำอะไร
My son has already seen that movie.
ลูกชายของฉันเคยดูหนังเรื่องนั้นแล้ว
I have been to New Zealand twice.
ฉันเคยไปนิวซีแลนซ์มาแล้ว 2 ครั้ง
3. กล่าวถึงสิ่งที่เกิดในอดีต แต่มีผลหรือมีความสำคัญต่อปัจจุบัน
My cat has already eaten.
แมวของฉันกินข้าวแล้ว
(กินไปแล้วในอดีต แต่มีผลถึงตอนนี้ คือแมวยังอิ่มอยู่)
I have lost my wallet.
ฉันทำกระเป๋าตังค์หาย
(ทำหายในอดีต แต่มีผลถึงตอนนี้ คือไม่มีเงินและบัตรให้ใช้)
4. กล่าวถึงสิ่งที่เพิ่งทำเสร็จ
การใช้ present perfect tense ในกรณีนี้ เรามักใช้ร่วมกับคำว่า just
Tim has just finished his homework.
ทิมเพิ่งทำการบ้านเสร็จ
They have just bought a new car.
พวกเขาเพิ่งซื้อรถใหม่
ความต่างระหว่าง American English และ British English
เมื่อพูดถึงสิ่งที่เกิดไปแล้ว หรือเพิ่งทำเสร็จ ถ้าเป็น American English เราอาจใช้ past simple tense แทน present perfect tense ได้ โดยเฉพาะในภาษาพูด เช่น They just bought a new car. (มีความหมายเหมือน They have just bought a new car.)
แต่ถ้าเป็น British English เราจะต้องใช้ present perfect tense เท่านั้น จุดนี้จะเป็นความต่างเล็กๆ น้อยๆ ในด้านแกรมม่าระหว่าง American English และ British English
การใช้ present perfect tense คู่กับ past simple tense
บางครั้ง เราจะใช้โครงสร้าง “present perfect + since + past simple” เพื่อบอกว่าเริ่มทำสิ่งใดตั้งแต่จบเหตุการณ์ไหน ตัวอย่างประโยคเช่น
(Past simple tense คือรูปกริยาที่ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่จบไปแล้ว โดยจะใช้กริยาช่อง 2 เช่น I called him yesterday. ฉันโทรหาเขาเมื่อวานนี้)
He has lived with me since he was 10 years old.
เขาอาศัยอยู่กับฉันตั้งแต่ตอนเขาอายุ 10 ขวบ
I have worked here since I graduated.
ฉันทำงานที่นี่ตั้งแต่ฉันเรียนจบ
คำว่า “since + เวลา” จะแปลว่า “ตั้งแต่…” เมื่อใช้ร่วมกับ past simple tense ซึ่งก็คือเหตุการณ์ที่จบไปแล้ว จึงถือเป็นการใช้เหตุการณ์นั้นเป็นสิ่งอ้างอิง ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่จบเหตุการณ์นั้นนั่นเอง
สรุป present perfect tense
- Present perfect tense คือรูปคำกริยาที่ใช้กับสิ่งที่เกิดในอดีต ซึ่งเกี่ยวเนื่องมายังปัจจุบัน โดยจะใช้โครงสร้าง “has/have + กริยาช่อง 3”
- เราจะใช้ has กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 (เช่น he, she, it, boy, cat) และจะใช้ have กับ I, you และประธานพหูพจน์ (เช่น we, they, boys, cats)
- เราจะใช้ present perfect tense เมื่อ
- กล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ที่ดำเนินต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน (สามารถใช้กับคำว่า for และ since)
- กล่าวถึงประสบการณ์ว่าเคยหรือไม่เคยทำอะไร
- กล่าวถึงสิ่งที่เกิดในอดีต แต่มีผลต่อปัจจุบัน
- กล่าวถึงสิ่งที่เพิ่งทำเสร็จ (สามารถใช้กับคำว่า just)
- เราสามารถใช้ present perfect tense คู่กับ past simple tense โดยใช้โครงสร้าง “present perfect + since + past simple” เพื่อบอกว่าเริ่มทำสิ่งใดตั้งแต่จบเหตุการณ์ไหน
จบแล้วนะครับกับ present perfect tense ทีนี้เพื่อนๆ ก็คงจะเข้าใจ และสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ
อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time