Preposition (คำบุพบท) เป็นชนิดคำที่สำคัญมากๆ อีกชนิดหนึ่งในภาษาอังกฤษ ซึ่งถ้าใครนึกไม่ออกว่ามันคืออะไร ก็ขอให้นึกถึงคำว่า in, on, at ซึ่งทั้ง 3 คำที่หลายคนคุ้นเคยกันนี้ ก็ถือเป็น preposition อย่างหนึ่งนั่นเอง
ในบทความนี้ ชิววี่ได้เรียบเรียงเนื้อหาเกี่ยวกับ preposition ทั้งความหมาย หลักการใช้ ตัวอย่างคำ ตัวอย่างประโยค รวมถึงหัวข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มาให้เพื่อนๆ ได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆแล้ว เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆ พร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย
Preposition คืออะไร
Preposition (คำบุพบท) คือคำที่ใช้เชื่อมคำนามหรือคำสรรพนาม เข้ากับคำอื่นๆ ในประโยค ซึ่งการใช้ เรามักจะวาง preposition ไว้หน้าคำนามหรือคำสรรพนาม ยกตัวอย่างเช่น
I go to school every day.
ฉันไปโรงเรียนทุกวัน
(คำว่า to เป็น preposition ทำหน้าที่เชื่อมคำนาม school กับคำอื่นๆ)
My mom didn’t stay home with me last night.
แม่ของฉันไม่ได้อยู่บ้านกับฉันเมื่อคืนนี้
(คำว่า with เป็น preposition ทำหน้าที่เชื่อมคำสรรพนาม me กับคำอื่นๆ)
John has been living in London for 10 years.
จอห์นอาศัยอยู่ในลอนดอนเป็นระยะเวลาสิบปีแล้ว
(คำว่า for เป็น preposition ทำหน้าที่เชื่อมคำนาม 10 years กับคำอื่นๆ)
I stopped children from running into the street.
ฉันห้ามเด็กๆไม่ให้วิ่งไปที่ถนน
(คำว่า from เป็น preposition ทำหน้าที่เชื่อม running กับคำอื่นๆ คำว่า running ในที่นี้เป็น gerund ซึ่งก็คือคำกริยารูป ing ที่ทำหน้าที่เป็นคำนาม)
ชนิดและหลักการใช้ preposition
Preposition แบ่งได้เป็นหลายชนิด ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้ และความละเอียดครอบคลุมของการแบ่ง
สำหรับ preposition ที่สำคัญและใช้บ่อย จะประกอบด้วย 4 ชนิดหลักๆ ดังนี้
1. Preposition of time
Preposition of time คือคำบุพบทที่ใช้กับเวลา เช่น in, on, at, before, between, after เป็นต้น
ในบรรดา preposition of time คำว่า in, on, at จะเป็นคำที่ใช้บ่อย และสามารถใช้ได้หลากหลาย โดยมีรายละเอียดคือ
Preposition of time | ใช้กับ | ตัวอย่างประโยค |
---|---|---|
In | เดือน ปี ฤดูกาล ช่วงของวัน | My birthday is in September. วันเกิดของฉันอยู่ในเดือนกันยายน I graduated from the university in 2019. ฉันจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในปี 2019 I always stay home in summer. ฉันมักจะอยู่กับบ้านในช่วงฤดูร้อน My grandpa always exercises in the morning. ตาของฉันมักจะออกกำลังกายในช่วงเช้า |
On | วัน วันที่ วันสำคัญ | I will see you on Monday. ฉันจะเจอคุณอีกทีวันจันทร์ I am going to visit my parent on the 2nd of March. ฉันจะไปเยี่ยมพ่อแม่ในวันที่ 2 มีนาคม We don’t have work on New Year’s Day. พวกเราไม่ทำงานในวันปีใหม่ |
At | เวลากี่โมงกี่นาที ช่วงเวลาที่เจาะจง เทศกาล | The movie starts at 9:30 p.m. หนังจะเริ่มฉายตอนสามทุ่มครึ่ง At the moment, she is looking for a new job. ตอนนี้เธอกำลังมองหางานใหม่ Lilly will see me at Christmas. ลิลลี่จะมาเจอฉันตอนเทศกาลคริสต์มาส |
Preposition of time คำอื่นๆ ก็อย่างเช่น
Preposition of time | ความหมาย | ตัวอย่างประโยค |
---|---|---|
Before | ก่อน | He won’t leave before 2 p.m. เขาจะไม่ออกก่อนบ่ายสอง |
After | หลัง | I will order dessert after lunch. ฉันจะสั่งของหวานกินหลังมื้อเที่ยง |
During | ในช่วง | Tommy usually stays with his family during summer. ทอมมี่มักจะอยู่กับครอบครัวของเขาในช่วงฤดูร้อน |
Until | จนกระทั่ง | This restaurant is open until midnight. ร้านอาหารร้านนี้เปิดถึงเที่ยงคืน |
Since | ตั้งแต่ | She has been waiting here since 1 o’clock. เธอรออยู่ตรงนี้ตั้งแต่บ่ายโมง |
About | ประมาณ | Dinner will be ready in about 10 minutes. อาหารเย็นจะพร้อมภายในสิบนาที |
From…to | จาก…ถึง | The shop is open from 10 to 6. ร้านเปิดตอนสิบโมงถึงหกโมง |
2. Preposition of place
Preposition of place คือคำบุพบทที่ใช้กับตำแหน่งหรือสถานที่ เช่น in, on, at, under, behind เป็นต้น
Preposition of place คำว่า in, on, at จะเป็นคำที่ใช้บ่อย และสามารถใช้ได้หลากหลาย โดยมีรายละเอียดคือ
Preposition of place | ใช้กับ | ตัวอย่างประโยค |
---|---|---|
In | ตำแหน่งข้างใน ภายในสถานที่ เขตแดน (เช่น เมือง จังหวัด ประเทศ ทวีป) | I took a nap in the classroom. ฉันงีบหลับในห้องเรียน The boys play in the park. บรรดาเด็กผู้ชายเล่นอยู่ในสวนสาธารณะ I live in Bangkok. ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ |
On | ตำแหน่งด้านบน ถนน ชั้นของอาคาร | The books are on the table. หนังสืออยู่บนโต๊ะ My workplace is on Phahonyothin Road. ที่ทำงานของฉันอยู่บนถนนพหลโยธิน I live on the 7th floor. ฉันอาศัยอยู่บนชั้นเจ็ด |
At | ตำแหน่ง สถานที่ เรียน/ทำงานที่ไหน ที่อยู่ | There is a supermarket at the end of the street. มีซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ตรงสุดถนน Joe is waiting for you at the mall. โจกำลังคอยคุณอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า She studies at Thammasat University. เธอเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ I live at 123 Main Street. ฉันอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 123 ถนนหลัก |
Preposition of place คำอื่นๆ ก็อย่างเช่น
Preposition of place | ความหมาย | ตัวอย่างประโยค |
---|---|---|
Under | ใต้, ข้างล่าง | I am lying under the tree. ฉันกำลังนอนอยู่ใต้ต้นไม้ |
Between | ระหว่าง | He sat between us. เขานั่งระหว่างพวกเรา |
Below | ข้างล่าง | Tim is waving at me from below the stairs. ทิมกำลังโบกมือให้ฉันจากด้านล่างบันได |
Behind | ข้างหลัง | The cat is walking behind you. แมวกำลังเดินอยู่ข้างหลังคุณ |
Above | ข้างบน | Those birds are flying above the sky. นกเหล่านั้นกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า |
In front of | ข้างหน้า | Jimmy was sprawled on the floor in front of the TV. จิมมี่นอนแผ่หราอยู่บนพื้นหน้าทีวี |
Next to | ข้างๆ | My brother stood next to him. พี่ชายของฉันยืนอยู่ข้างๆ เขา |
3. Preposition of movement
Preposition of movement (หรือ preposition of direction) คือคำบุพบทที่ใช้บอกทิศทางการเคลื่อนไหว เช่น into, onto, to, across เป็นต้น
Preposition of movement | ความหมาย | ตัวอย่างประโยค |
---|---|---|
To | ไปยัง, ถึง | I will go to the mall when I finish my homework. ฉันจะไปห้างเมื่อฉันทำการบ้านเสร็จ |
Into | เข้าไปใน | Tim went into the room. ทิมเข้าไปในห้อง |
Onto | ไปยัง | The cat climbed onto the roof. แมวปีนขึ้นไปบนหลังคา |
Toward | ไปสู่ | Jack ran toward the bathroom. แจ็ควิ่งตรงไปยังห้องน้ำ |
Through | ผ่าน | A car passes through the tunnel. รถยนต์แล่นผ่านอุโมงค์ |
Across | ข้าม, ตรงข้าม | My dog can swim across the river. สุนัขของฉันสามารถว่ายน้ำข้ามแม่น้ำได้ |
4. Preposition of means
Preposition of means (หรือ preposition of agent/instrument) คือคำบุพบทที่ใช้บอกว่าทำโดยใคร ทำด้วยอะไร หรือทำด้วยวิธีไหน เช่น by, with เป็นต้น
Preposition | ความหมาย | ตัวอย่าง |
---|---|---|
By | โดย | Harry Potter was written by J.K. Rowling. แฮร์รี่พอตเตอร์ถูกเขียนโดยเจเค โลว์ริ่ง |
With | ด้วย | I opened the door with a key. ฉันเปิดประตูด้วยกุญแจ |
Prepositional phrase คืออะไร
Prepositional phrase (บุพบทวลี) คือวลีที่รวม preposition และคำที่ใช้ประกอบตามหลัง preposition นั้น ซึ่งทั้งวลีจะประกอบด้วย
- Preposition
- คำนาม/คำสรรพนามที่ตามหลัง preposition
- คำที่ขยายคำนาม/คำสรรพนามนั้น (อาจมีหรือไม่ก็ได้)
(คำว่า preposition แปลว่า “คำบุพบท” ส่วนคำว่า phrase จะแปลว่า “วลี”)
ตัวอย่าง prepositional phrase ในประโยคก็อย่างเช่น
I am siting on the sofa.
ฉันกำลังนั่งอยู่บนโซฟา
(คำว่า on เป็น preposition คำว่า the sofa เป็นคำนาม ทั้งวลี on the sofa เป็น prepositional phrase)
Life is so much better without smoking.
ชีวิตดีขึ้นมากเมื่อปราศจากการสูบบุหรี่
(คำว่า without เป็น preposition คำว่า smoking เป็น gerund ซึ่งก็คือคำกริยารูป ing ที่ทำหน้าที่เป็นคำนาม ทั้งวลี without smoking จะถือเป็น prepositional phrase)
He is hiding behind that big tree.
เขากำลังซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น
(คำว่า behind เป็น preposition คำว่า tree เป็นคำนาม คำว่า that และ big เป็นคำขยาย ทั้งวลี behind that big tree จะถือเป็น prepositional phrase)
การรู้ prepositional phrase สำคัญอย่างไร
การมอง prepositional phrase ในประโยคออก จะทำให้เราสามารถเข้าใจโครงสร้างและความหมายของประโยคได้ดีขึ้น
ข้อผิดพลาดของคนที่ยังไม่แม่นภาษาอังกฤษหลายๆคนก็คือ การสับสน prepositional phrase กับคำอื่นๆในประโยค เช่น ประธานหรือกรรม ซึ่งจะทำให้ตีความประโยคผิด หรือเลือกใช้คำผิดหลักแกรมม่าได้ ยกตัวอย่างเช่น
Those boys in the room are my friends.
เด็กผู้ชายเหล่านั้นที่อยู่ในห้องเป็นเพื่อนของฉัน
(บางคนอาจคิดว่า room เป็นประธาน และใช้คำกริยาเป็น is แทน ซึ่งจะถือว่าผิดแกรมม่า ประธานในประโยคนี้จริงๆแล้วคือ boys ซึ่งจะต้องใช้กับคำกริยา are)
หลักการใช้ prepositional phrase
Prepositional phrase ใช้ได้หลักๆ 3 แบบ คือ
1. ใช้ขยายคำนาม
Prepositional phrase สามารถใช้ขยายคำนามได้ ซึ่ง prepositional phrase ที่ทำหน้าที่นี้จะมีอีกชื่อเรียกว่า adjectival phrase (เพราะทำหน้าที่ขยายคำนามเหมือน adjective)
ตัวอย่าง prepositional phrase ที่ใช้ขยายคำนามก็อย่างเช่น
The boy on the left is my little brother.
เด็กผู้ชายที่อยู่ทางซ้ายคือน้องชายของฉัน
(วลี on the left ทำหน้าที่ขยายคำนาม the boy)
Tell me the story about the green witch.
เล่าเรื่องเกี่ยวกับแม่มดเขียวให้ฉันฟังหน่อย
(วลี about the green witch ทำหน้าที่ขยายคำนาม the story)
2. ใช้ขยายคำกริยา
Prepositional phrase สามารถใช้ขยายคำกริยาได้ ซึ่ง prepositional phrase ที่ทำหน้าที่นี้จะมีอีกชื่อเรียกว่า adverbial phrase (เพราะทำหน้าที่ขยายคำกริยาเหมือน adverb)
ตัวอย่าง prepositional phrase ที่ใช้ขยายคำกริยาก็อย่างเช่น
He sleeps like a baby.
เขานอนหลับเหมือนทารก
(วลี like a baby ทำหน้าที่ขยายคำกริยา sleeps)
Sometimes I don’t clean under the bed.
บางครั้งฉันก็ไม่ทำความสะอาดใต้เตียง
(วลี under the bed ทำหน้าที่ขยายคำกริยา don’t clean)
3. ใช้เป็นคำนาม
แม้จะพบได้ไม่บ่อย แต่เราก็สามารถใช้ prepositional phrase เป็นคำนามได้ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น
After exercise is the best time to get protein.
หลังออกกำลังกายเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะกินโปรตีน
During the exam is the worst time to sleep.
ระหว่างการสอบคือช่วงเวลาที่แย่ที่สุดที่จะนอนหลับ
จบแล้วนะครับกับ preposition ในภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆ ก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ
อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time