• Skip to primary navigation
  • Skip to main content
  • Skip to primary sidebar
  • Skip to footer
Meowdemy Logo

Meowdemy

เรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบชิวๆกับชิววี่

  • หน้าแรก
  • บทความ
  • เกี่ยวกับเรา

Phrasal verb คืออะไร มีการใช้อย่างไร

อัพเดท 06/07/2022 | โพสต์ 10/05/2021 | by ชิววี่

Phrasal verb คืออะไร มีการใช้อย่างไร

Phrasal verb คือคำกริยาที่ใช้ร่วมกับคำชนิดอื่น อย่างเช่น turn on, shut down, break up ซึ่งคำเหล่านี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก ในการใช้ภาษาอังกฤษ

ในบทความนี้ ชิววี่ได้เรียบเรียงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ phrasal verb ทั้งความหมาย โครงสร้าง วิธีการใช้ รวมไปถึงตัวอย่าง phrasal verb ที่ใช้บ่อย พร้อมทั้งคำแปลและตัวอย่างประโยค มาให้เพื่อนๆ ได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆ แล้ว เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆ พร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Phrasal verb คืออะไร

Phrasal verb (กริยาวลี) คือ verb ที่ใช้ร่วมกับ adverb และ/หรือ preposition เช่น break up, turn on, run away โดยความหมายที่ได้มักจะต่างจากเมื่อใช้แยกกัน

จากตัวอย่าง ความหมายเมื่อใช้แยกกันและร่วมกัน นั้นได้แก่

  • break (ทำลาย, แตกหัก) + up (ขึ้น) = break up (เลิกคบ)
  • turn (หมุน, หัน) + on (บน) = turn on (เปิด)
  • run (วิ่ง) + away (ออกไป) = run away (วิ่งหนี)

โครงสร้างของ phrasal verb

Phrasal verb มีโครงสร้าง 3 แบบ คือ

  • Verb + adverb (เช่น run away, break down, get back)
  • Verb + preposition (เช่น look after, get on, deal with)
  • Verb + adverb + preposition (เช่น look out for, come up against, look forward to)

วิธีสังเกตง่ายๆ ว่าคำที่อยู่หลัง verb เป็น adverb หรือ preposition ก็คือ

  • คำที่เติมคำนามหรือคำสรรพนามตามหลังได้เลยจะเป็น preposition (เช่น look after the patient ซึ่งแปลว่า “ดูแลคนไข้” คำว่า after ในที่นี้ถือเป็น preposition)
  • คำที่เติมคำนามหรือคำสรรพนามตามหลังไม่ได้ หรือต้องมี preposition มาเชื่อมก่อน จะถือเป็น adverb (เช่น run away ถ้าจะใช้คำนามหรือคำสรรพนามต่อท้าย จะต้องใช้ from มาเชื่อม อย่างเช่น run away from the dog ซึ่งแปลว่า “วิ่งหนีสุนัข” คำว่า away ในที่นี้จึงถือเป็น adverb)

ทั้งนี้ ในภาษาอังกฤษ คำบางคำก็สามารถเป็นได้ทั้ง adverb และ preposition ขึ้นอยู่กับบริบทการใช้ อย่างเช่นคำว่า on ในตัวอย่าง

The show must go on.
การแสดงจะต้องดำเนินต่อไป
(คำว่า on ในที่นี้ถือเป็น adverb เพราะไม่ได้ทำหน้าที่เชื่อมคำนามหรือคำสรรพนาม)

We got on the bus.
พวกเราได้ขึ้นรถบัส
(คำว่า on ในที่นี้ถือเป็น preposition เพราะใช้เชื่อมคำนาม the bus)

Phrasal verb กับ prepositional verb

บางตำราจะแยก phrasal verb กับ prepositional verb ออกจากกัน โดยจะถือว่า

  • Phrasal verb คือ verb + adverb และ verb + adverb + preposition
  • Prepositional verb คือ verb + preposition

แต่หลายตำราและพจนานุกรมส่วนใหญ่มักจะเรียกทั้งหมดนี้รวมกันว่า phrasal verb เลย เพราะถือว่ามีรายละเอียดการใช้ไม่ต่างกันมากนัก ซึ่งในบทความนี้ เราก็จะเรียกทั้งหมดรวมกันว่า phrasal verb เช่นกัน

ทบทวนความรู้
Adverb (คำกริยาวิเศษณ์) คือคำที่ใช้ขยายคำชนิดอื่น ที่ไม่ใช่คำนามหรือคำสรรพนาม เช่น slowly, quickly, happily, very, often อย่างเช่นในประโยค I ran slowly. (ฉันวิ่งอย่างช้าๆ)
Adverb ที่ใช้ใน phrasal verb บ่อยๆ ก็อย่างเช่น about, away, back, by, down, in, off, on, out, over, up (บางคำก็เป็นได้ทั้ง adverb และ preposition)
Preposition (คำบุพบท) คือคำที่ใช้เชื่อมคำนามและคำสรรพนาม เข้ากับคำชนิดอื่น โดยมักจะวางไว้หน้าคำนามหรือคำสรรพนามนั้น เช่นคำว่า in, on, at, into, onto อย่างเช่นในประโยค I live in Thailand. (ฉันอาศัยอยู่ในประเทศไทย)
Preposition ที่ใช้ใน phrasal verb บ่อยๆ ก็อย่างเช่น in, on, at, to, into, with, without, off, for, over (บางคำก็เป็นได้ทั้ง adverb และ preposition)

หลักการใช้ phrasal verb

Phrasal verb จะเหมือน verb ทั่วไปตรงที่บางคำก็ใช้กรรมได้ (เช่น take off the shoes ซึ่งแปลว่า “ถอดรองเท้า”) แต่บางคำก็ไม่ต้องมีกรรม (เช่น watch out ซึ่งแปลว่า “ระวัง”)

สำหรับ phrasal verb ที่ใช้กับกรรมได้ เราจะแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ซึ่งก็คือ

1. Phrasal verb ที่ใช้แยกกันได้

Phrasal verb ชนิดนี้ เราสามารถเอากรรมมาแทรกตรงกลางระหว่าง phrasal verb ได้ ยกตัวอย่างเช่น

Please turn off the mobile phone.
Please turn the mobile phone off.
กรุณาปิดมือถือ

I threw away the book.
I threw the book away.
ฉันโยนหนังสือทิ้ง

การใช้ phrasal verb ชนิดนี้จะมีข้อควรรู้เพิ่มเติม 2 ข้อ ซึ่งก็คือ

1) ถ้ากรรมเป็น object pronoun (ได้แก่ me, you, him, her, it, us, them) เราจะต้องใช้ object pronoun คั่นกลางเท่านั้น

I threw it away.
I threw away it.
ฉันโยนมันทิ้งไป

2) ถ้ากรรมเป็นวลียาว เราจะนิยมใช้กรรมหลัง phrasal verb มากกว่าใช้คั่นกลาง

Can you pass out our new black booklets and 2B pencils?
Can you pass our new black booklets and 2B pencils out? (พอใช้ได้ แต่ไม่นิยม)
คุณช่วยแจกจ่ายเอกสารหนังสือสีดำอันใหม่และดินสอ 2B ให้หน่อยได้มั้ย

2. Phrasal verb ที่ใช้แยกกันไม่ได้

Phrasal verb ชนิดนี้ เราไม่สามารถเอากรรมมาแทรกตรงกลางระหว่าง phrasal verb ได้ ยกตัวอย่างเช่น

She looked after her grandma for many years.
She looked her grandma after for many years.
เธอได้ดูแลย่าของเธอเป็นระยะเวลานานหลายปี

All athletes should listen to their coaches.
All athletes should listen their coaches to.
นักกีฬาทุกคนควรฟังโค้ช

Phrasal verb บางคำอาจมีหลายความหมาย

Phrasal verb บางคำอาจมีหลายความหมาย ซึ่งแต่ละความหมายอาจต้องมีหรือไม่ต้องมีกรรม หรือใช้แยกได้หรือแยกไม่ได้ต่างกัน อย่างเช่น

I passed out yesterday.
ฉันเป็นลมเมื่อวาน
(Pass out เมื่อแปลว่า “เป็นลม” จะไม่ต้องมีกรรม)

Please pass out the books.
Please pass the books out.
กรุณาช่วยแจกจ่ายหนังสือให้หน่อย
(Pass out เมื่อแปลว่า “แจกจ่าย” จะต้องมีกรรม และจะสามารถใช้กรรมคั่นกลางได้)

การจะรู้ว่า phrasal verb คำและความหมายไหนใช้อย่างไร ส่วนใหญ่แล้วเราจะจำได้จากความคุ้นชิน ซึ่งก็คือจะต้องเจอ phrasal verb เหล่านั้นผ่านหูผ่านตาบ่อยๆ นั่นเอง

การเรียนรู้ phrasal verb ก็เหมือนกับการเรียนรู้คำศัพท์ คือถ้าคำไหนที่เราไม่รู้ความหมาย หรือใช้ไม่เป็น เราก็ควรเปิดพจนานุกรมดู ซึ่งยิ่งถ้าเราเปิดดูบ่อยเท่าไร เราก็จะยิ่งเข้าใจและจดจำ phrasal verb ได้มากขึ้นเท่านั้น

Phrasal verb ที่ใช้บ่อย 100 คำ

หลังจากที่รู้กันแล้วว่า phrasal verb คืออะไร และมีการใช้อย่างไร เราก็มาเรียนรู้ phrasal verb ที่ใช้บ่อย 100 คำ พร้อมคำแปลและตัวอย่างประโยคกันเถอะ

ตารางรวม phrasal verb ที่ใช้บ่อย 100 คำ

ลำดับPhrasal Verbความหมายตัวอย่างประโยค
1Break downเสีย, แบ่ง, ร้องไห้The car broke down in the middle of the street.
รถยนต์เสียกลางถนน
2Break intoบุกรุก, พังเข้าไปSomeone broke into the office last night.
มีคนพังออฟฟิศเข้าไปเมื่อคืนนี้
3Break offหยุดพูด, ยุติ, แยกออกEveryone broke off when the boss walked in.
ทุกคนหยุดพูดเมื่อหัวหน้าเดินเข้ามา
4Break outหลบหนี, อุบัติHe broke out of the prison.
เขาหลบหนีออกจากคุก
5Break upเลิกคบ, แยกทางWe should break up.
พวกเราควรเลิกกัน
6Bring aboutทำให้เกิด, เป็นสาเหตุของThat speech brought about a change in public opinion.
การพูดคราวนั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของความเห็นในหมู่สาธารณชน
7Bring backเอากลับมา, เอามาคืน, ทำให้นึกถึงThe astronauts brought back some rocks from the moon.
เหล่านักบินอวกาศได้นำหินส่วนหนึ่งกลับมาจากดวงจันทร์
8Bring downทำให้ลดลง, ทำให้สูญเสียอำนาจThese drugs can bring your heart rate down.
ยาเหล่านี้สามารถทำให้หัวใจเต้นช้าลงได้
9Bring inเอาเข้ามา, ได้รับ, นำ (บางคน) เข้ามาช่วยThe police were brought in to prevent the violence.
ตำรวจถูกนำเข้ามาเพื่อป้องกันความรุนแรง
10Bring outทำออกมาขาย, เผยออกมาShe has brought out a new book.
เธอทำหนังสือเล่มใหม่ออกมา
11Bring upเลี้ยงดู, นำขึ้นมา, เปิดขึ้นมาMy mom brought up five children by herself.
แม่ของฉันเลี้ยงดูเด็กห้าคนให้เติบโตขึ้นเพียงลำพัง
12Care forดูแล, ห่วงใยHe doesn’t know how to care for his pet.
เขาไม่รู้วิธีการดูแลสัตว์เลี้ยงของเขา
13Carry onทำต่อ, ดำเนินต่อYou shouldn’t carry on spending money like that.
คุณไม่ควรใช้เงินแบบนั้นต่อไป
14Carry outทำตาม, ทำให้สำเร็จYou must carry out my orders.
คุณต้องทำตามคำสั่งของฉัน
15Come aboutเกิดขึ้นWe are sure the change must come about slowly.
พวกเราแน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดขึ้นอย่างช้าๆ
16Come alongมาถึง, ไปด้วยกันDo you want to come along with us?
คุณอยากมาด้วยกันมั้ย
17Come aroundมาหา, มาเยือน, เปลี่ยนความเห็น, คืนสติI will come around later.
ฉันจะมาหาใหม่นะ
18Come backกลับมา, หวนคืนShe will never come back.
เธอจะไม่กลับมาอีกแล้ว
19Come downลดลง, ตกลงมาThe gold price will come down eventually.
ในท้ายที่สุดราคาทองคำก็จะตกลงมา
20Come inมาถึง, เข้ามาDo you want to come in for a cup of coffee?
คุณอยากเข้ามาดื่มกาแฟซักถ้วยมั้ย
21Come outออกมา, ปรากฏขึ้นThe new book will come out very soon.
หนังสือเล่มใหม่จะออกมาเร็วๆนี้
22Come overมาเยี่ยมDo you want to come over this Saturday?
คุณอยากมาบ้านฉันวันเสาร์นี้มั้ย
23Come upมาหา, โผล่ขึ้นมาMy boss came up and started talking to me.
หัวหน้าได้มาหาและเริ่มพูดกับฉัน
24Find outค้นพบ, ค้นหาShe found out that her husband had been lying to her.
เธอค้นพบว่าสามีของเธอได้โกหกเธอ
25Get backถอยไป, กลับ, ได้คืนThey got back to the office just in time.
พวกเขากลับออฟฟิศทันเวลาพอดี
26Get downทำให้เศร้า, จดลง, ย่อลง, หมอบลงDon’t let these people get you down.
อย่าปล่อยให้คนเหล่านี้มาทำให้คุณรู้สึกแย่
27Get inบุกรุกเข้าไปข้างใน, ได้รับเลือก, มาถึงThe thieves got in my house last night.
ขโมยได้บุกเข้ามาในบ้านของฉันเมื่อคืนนี้
28Get offออกไป, เลิกงาน, ถอดGet off my house!
ออกไปจากบ้านของฉันนะ
29Get onทำต่อ, สวมใส่He can’t get his jeans on.
เขาใส่กางเกงยีนส์ไม่เข้า
30Get outออกไป, ออกนอกบ้าน, นำออกมาGet out of the kitchen!
ออกจากครัวนะ
31Get throughติดต่อ, ผ่าน, ใช้จ่าย, ฝ่าฟันI tried to call the customer but couldn’t get through.
ฉันพยายามโทรหาลูกค้าแต่ไม่สามารถติดต่อได้
32Get upยืนขึ้น, ลุกขึ้น, แรงขึ้นThe whole class got up and started clapping.
ทั้งห้องได้ยืนขึ้นและเริ่มปรบมือ
33Give backคืนI will give your money back next month.
ฉันจะคืนเงินคุณในเดือนถัดไป
34Give inยอมแพ้, ยอมรับThe government finally gave in to the protesters’ demands.
ท้ายที่สุดรัฐบาลก็ยอมอ่อนข้อต่อความต้องการของผู้ประท้วง
35Give outแจก, หยุดทำงาน (เครื่องจักร, อวัยวะ)The school gave out free masks to its students.
ทางโรงเรียนได้แจกหน้ากากอนามัยให้กับนักเรียน
36Give upยอมแพ้, เลิกI won’t give up easily.
ฉันจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
37Go alongยอมรับ, ไปด้วย, ดำเนินไปEveryone is expected to go along with the decision.
ทุกคนถูกคาดหวังว่าจะยอมรับการตัดสินใจ
38Go aroundไปเยือน, กระจาย, หมุนLove makes the world go around.
ความรักทำให้โลกยังหมุนไปได้
(เป็นสำนวน แปลว่า ความรักเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะทำให้สิ่งต่างๆ รอบตัวดำเนินต่อไปได้)
39Go backกลับ, ย้อนกลับไปIt started to rain, so we decided to go back.
ฝนเริ่มตก พวกเราจึงตัดสินใจกลับ
40Go downลงไปข้างล่าง, ลดลงThe stock price went down by 10.2% last week.
ราคาหุ้นได้ลดลงมา 10.2% เมื่อสัปดาห์ก่อน
41Go inเข้าไปข้างใน, ถูกบังYou should knock before you go in.
คุณควรเคาะประตูก่อนจะเข้าไปข้างใน
42Go offออกจาก, หยุดทำงาน, ระเบิด, ยิงThe lights went off several hours last night.
ไฟดับเป็นเวลาหลายชั่วโมงเมื่อคืนนี้
43Go onดำเนินต่อไปThe show must go on.
การแสดงจะต้องดำเนินต่อไป
44Go outออกไปข้างนอก, คบกันเป็นแฟนTim used to go out with Ann.
ทิมเคยคบกับแอน
45Go overเคลื่อน/เดินทางไป, ตรวจสอบ, ฝึกซ้อมYou should go over your work before you hand in.
คุณควรตรวจสอบงานของคุณก่อนที่จะส่ง
46Go throughผ่าน, ตรวจสอบShe has been going through a bad time recently.
เธอได้ผ่านช่วงเวลาอันเร็วร้ายเมื่อไม่นานมานี้
47Go upเพิ่มขึ้น, ไปทางเหนือ, สร้างThe price of silver is going up.
ราคาของเงินกำลังเพิ่มสูงขึ้น
48Hold backยับยั้ง, ห้ามไว้, เก็บซ่อนไว้The police were unable to hold back the protestors.
ตำรวจไม่สามารถต้านผู้ชุมนุมไว้ได้
49Hold onจับไว้, ถือเอาไว้, รอHe held on tightly to the handrails.
เขาจับราวไว้อย่างแน่น
50Hold outทนรับมือ, ยื่นบางสิ่งออกมาWe can’t hold out against this army any longer.
พวกเราไม่สามารถทนต่อกรกับกองทัพนี้ต่อไปได้อีกแล้ว
51Hold upยังอยู่ดี, ยังคงเข้มแข็ง, รับมือShe is holding up well under the pressure.
เธอรับมือกับความกดดันได้ดี
52Look aroundเดินชม, มองหาDo you want to look around the gym?
คุณอยากเดินชมยิมหน่อยมั้ย
53Look backมองย้อนกลับไป (อดีต), ย้อนกลับไปดูWhen I look back, I feel sad.
เมื่อฉันมองย้อนกลับไป ฉันก็รู้สึกเศร้า
54Look downดูถูกYou shouldn’t look down on others.
คุณไม่ควรดูถูกคนอื่น
55Look outระวัง, เฝ้าระวังLook out! There is a car coming.
ระวัง มีรถกำลังมา
56Look upค้นหา, มองขึ้นมาI am looking up the word “selfie” in the dictionary.
ฉันกำลังมองหาคำว่า selfie ในพจนานุกรม
57Make outจัดการได้/ทนอยู่ได้, มีเพศสัมพันธ์, กอดจูบHow did he make out while his parents were away?
เขาอยู่ได้ยังไงในขณะที่พ่อแม่ของเขาไม่อยู่
58Make upแต่งขึ้นมาHe made up some excuse about his car breaking down.
เขาแต่งข้ออ้างว่ารถเสีย
59Move backถอยกลับ, กลับไปยัง, ย้ายกลับWe are moving back to Thailand.
พวกเรากำลังจะย้ายกลับไทย
60Move inย้ายเข้าไปอยู่My friend moved in here yesterday.
เพื่อนฉันย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อวานนี้
61Move onก้าวต่อไปข้างหน้า, หันไปเริ่มสิ่งใหม่You should move on from your relationship.
คุณควรจบความสัมพันธ์ปัจจุบัน (พร้อมเปิดรับความสัมพันธ์ใหม่)
62Move outย้ายออกHis landlord has given him a month to move out.
เจ้าของที่ได้ให้เวลาเขาหนึ่งเดือนในการย้ายออก
63Move upขยับขึ้นมา, เลื่อนขั้น, เลื่อนชั้นMy dad has been moved up to the position of manager.
พ่อของฉันได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นผู้จัดการ
64Pick outเลือก, มองออกShe picked out the biggest apples for me.
เธอเลือกแอปเปิลลูกใหญ่ที่สุดให้ฉัน
65Pick upรับ (ของหรือคน), รับโทรศัพท์, ดีขึ้นI called my aunt yesterday, but she didn’t pick up.
ฉันโทรหาป้าเมื่อวาน แต่เธอไม่ได้รับ
66Point outชี้, ชี้ให้เห็นHe pointed out the dangers of smoking.
เขาชี้ให้เห็นถึงอันตรายของการสูบบุหรี่
67Put backใส่กลับคืน, ทำให้ล่าช้าPlease put the books back when you have finished with them.
กรุณาเอาหนังสือใส่คืนที่เดิมเมื่อคุณใช้เสร็จแล้ว
68Put downวางลง, หยุดHe was tired and wanted to put his bag down.
เขารู้สึกเหนื่อยและอยากวางกระเป๋าลง
69Put inใช้, ยื่น, ซ่อมYou have to put in more effort to keep the relationship strong.
คุณต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการรักษาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น
70Put offเลื่อนออกไปI can’t put off buying a new mobile phone any longer.
ฉันไม่สามารถเลื่อนการซื้อมือถือเครื่องใหม่ออกไปได้อีกแล้ว
71Put onสวมใส่, เพิ่มTim put on his coat and went out.
ทิมได้สวมเสื้อโค้ทและออกไป
72Put outปิดไฟ, วางไว้, ทำให้บาดเจ็บShe always puts out food for the stray cats.
เธอเอาอาหารวางไว้ให้แมวจรจัดเป็นประจำ
73Put throughทำให้ต้องเผชิญกับ, โอนสายI am sorry to put you through the trouble.
ฉันขอโทษที่ทำให้คุณต้องเผชิญกับปัญหา
74Put upยกขึ้น, ติดผนัง, ให้ที่พักพิง, สร้างStop and put your hands up.
หยุดและยกมือขึ้น
75Set aboutเริ่มทำI will graduate and set about finding a job next month.
ฉันจะเรียนจบและเริ่มหางานในเดือนถัดไป
76Set downจดลง, ระบุอย่างเป็นทางการHe set all these events down in his notebook.
เขาได้จดเหตุการณ์เหล่านี้ลงในสมุดของเขา
77Set offเริ่มเดินทางWhat time do we set off tomorrow?
พวกเราจะออกเดินทางกันตอนไหน
78Set outเริ่มทำบางสิ่งอย่างมีจุดมุ่งหมาย, เริ่มแผนการ, จัดวางSo many people set out to achieve their dreams.
ผู้คนหลายคนเริ่มเดินทางทำตามความฝัน
79Set upจัดตั้ง, จัดเตรียม, นัดThey want to set up their own business.
พวกเขาอยากตั้งบริษัทของตัวเอง
80Sit backนั่งอย่างสบายๆ, หยุดพยายามDon’t just sit back and wait for the opportunity.
อย่าเอาแต่นั่งคอยโอกาส
81Sit downนั่งลงShe sat down on the sofa and played with her cat.
เธอนั่งลงบนโซฟาและเล่นกับแมวของเธอ
82Sit upลุกขึ้นนั่ง (จากที่นอนอยู่)He sat up and reached for his phone.
เขาลุกขึ้นนั่งและเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์
83Take backถอนคำพูด, คืนสินค้าYou should take the shoes back and get a refund.
คุณควรคืนรองเท้าและเอาเงินคืน
84Take downนำลงมา, เอาออก, จดThey are taking down all the posters.
พวกเขากำลังเอาโปสเตอร์ทั้งหมดลง
85Take inโดนหลอก, ให้ที่พักพิง, ทำความเข้าใจและจำDon’t be taken in by their promises.
อย่าโดนหลอกโดยคำสัญญาของพวกเขา
86Take offถอด, เอาออก, บินขึ้น (เครื่องบิน)Please take off your hat.
กรุณาถอดหมวกของคุณออก
87Take onจ้าง, รับงานมาทำ, รับหน้าที่Our company took on 50 new staff last year.
บริษัทของพวกเรารับพนักงานใหม่เข้ามา 50 คนเมื่อปีที่แล้ว
88Take outนำออกมา, เอาออก, ซื้ออาหารไปกินนอกร้าน/ที่บ้านShe took out her wallet from her bag.
เธอเอากระเป๋าตังออกมาจากประเป๋า
89Take overเข้าควบคุม, เข้าดำรงตำแหน่งThe company was taken over by its main competitor in 1990.
บริษัทถูกซื้อกิจการโดยคู่แข่งหลักเมื่อปี 1990
90Take upใช้พื้นที่, เข้ารับตำแหน่ง, เริ่มงานใหม่, เริ่มทำThis sofa takes up too much space.
โซฟาอันนี้กินพื้นที่มากเกินไป
91Turn aroundเลี้ยวกลับ, หมุน, กลับมามีทิศทางที่ดีขึ้นTurn around and let me look at your back.
หมุนกลับหลังและให้ฉันดูด้านหลังของคุณหน่อย
92Turn backหันหลังกลับ, ถอยกลับI think we should turn back before it gets dark.
ฉันคิดว่าพวกเราควรถอยกลับก่อนที่มันจะดึก
93Turn downปรับลด, ปฏิเสธCan you turn the TV down?
คุณลดเสียงทีวีหน่อยได้มั้ย
94Turn offปิดWe have to turn off the machine.
พวกเราต้องปิดเครื่องจักร
95Turn onเปิดCan you teach me how to turn on the heater?
คุณช่วยสอนวิธีเปิดเครื่องทำความร้อนแก่ฉันหน่อยได้มั้ย
96Turn outกลายเป็นว่า, ผลิต, ปิดThe weather turned out to be hotter than we thought.
กลายเป็นว่าอากาศร้อนกว่าที่พวกเราคิด
97Turn overกลับด้านPlease turn the paper over.
กรุณาพลิกหน้ากระดาษ
98Turn upปรับเพิ่ม, มาถึงCan you turn up the speakers?
คุณปรับเพิ่มเสียงลำโพงหน่อยได้มั้ย
99Watch outระวังWatch out! A car is coming.
ระวัง รถกำลังมา
100Work outออกกำลังกายMy grandpa works out every day.
ตาของฉันออกกำลังกายทุกวัน

เป็นยังไงบ้างครับกับ phrasal verb ทีนี้เพื่อนๆ ก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ


อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next timeไอคอนหน้าแมวยิ้ม

Primary Sidebar

Footer

ชิววี่พูดว่า มาเรียนภาษาอังกฤษกันเถอะ
Meowdemy
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อเรา
ความเป็นส่วนตัว
ข้อตกลงการใช้งาน
ติดตามเรา
meowdemy facebook link meowdemy facebook link
Copyright © 2023 Meowdemy.com