Incomplete sentences เป็นชื่อเรียก part 5 ของข้อสอบ TOEIC ซึ่งมีลักษณะเป็นโจทย์ที่ให้เราเลือกเติมคำลงในช่องว่างในประโยค
(คำว่า incomplete sentences ยังสามารถหมายถึง “ประโยคที่ไม่สมบูรณ์” ในทางแกรมม่าได้ด้วย เช่น ประโยคที่ขาดประธานหรือคำกริยา แต่โดยทั่วไป เรามักจะใช้คำนี้เมื่อพูดถึงข้อสอบ TOEIC มากกว่า)
สำหรับใครที่อยากเห็นตัวอย่างโจทย์ เทคนิคการทำ และรายละเอียดอื่นๆ ของข้อสอบ TOEIC ส่วน incomplete sentences ก็มาดูกับชิววี่ในบทความนี้ได้เลย
Incomplete sentences คืออะไร
Incomplete sentences คือ part 5 ของข้อสอบ TOEIC ซึ่งโจทย์มีลักษณะเป็นประโยคที่เว้นช่องว่างไว้ แล้วให้เราเลือกเติมคำลงไป
(คำว่า incomplete แปลว่า “ไม่สมบูรณ์” ส่วนคำว่า sentences จะแปลว่า “ประโยค” เมื่อใช้ร่วมกัน คำว่า incomplete sentences จึงแปลว่า “ประโยคที่ไม่สมบูรณ์” ซึ่งก็คือ ประโยคที่เว้นช่องว่างไว้ เพื่อให้เราเลือกเติมคำลงไปนั่นเอง)
ข้อสอบ incomplete sentences นั้นมีทั้งหมด 30 ข้อ (จากข้อสอบ TOEIC ทั้งหมด 200 ข้อ) และถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อสอบ part การอ่าน (reading) โดยจะเน้นวัดความรู้ด้านแกรมม่าและคำศัพท์เป็นหลัก
TOEIC คืออะไร
TOEIC (โทอิค) คือการสอบวัดระดับทักษะความรู้ภาษาอังกฤษ ซึ่งใช้ในการสมัครงาน ตัวข้อสอบจะเป็นแบบปรนัย (มีตัวเลือก) มีทั้งหมด 200 ข้อ ให้เวลาทำ 2 ชม. โดยจะมีช่วงคะแนนอยู่ที่ 10-990 คะแนน
ข้อสอบ TOEIC จะมีทั้งหมด 7 parts โดยที่ part 1-4 จะเป็น part การฟัง (มีเทปเปิดให้ฟัง) ซึ่งจะให้เวลาทำ 45 นาที ส่วน part 5-7 จะเป็น part การอ่าน ซึ่งจะให้เวลาทำ 75 นาที
ตัวอย่างโจทย์ incomplete sentences
เพื่อให้เห็นภาพ เรามาดูตัวอย่างโจทย์ incomplete sentences พร้อมเฉลยแบบละเอียดกันเลย
ตัวอย่างโจทย์ incomplete sentences ที่วัดแกรมม่า
Upon ________ at Bambyl Airport, please proceed to Sherrie Car Rental in Terminal E to pick up your vehicle.
(A) arrive
(B) arrives
(C) arrival
(D) arrived
คำตอบ
(C) arrival
คำอธิบาย
คำว่า upon เป็น preposition (คำบุพบท) ซึ่งจะต้องตามหลังด้วย noun
จากตัวเลือก 4 ข้อ ข้อ A, B, D (arrive, arrives, arrived) เป็น verb หมดเลย มีแต่ข้อ C (arrival) เท่านั้นที่เป็น noun เราจึงต้องตอบข้อ C
คำแปล
(ในการทำโจทย์ เราจะดูคำแปลเป็นหลักไม่ได้ เพราะคำแปลจะมีโครงสร้างประโยคและชนิดคำไม่ตรงกับภาษาอังกฤษทั้งหมด คำแปลนั้นมีไว้เพื่อเสริมความเข้าใจในด้านความหมายเท่านั้น)
โจทย์: เมื่อ ________ ที่สนามบิน Bambyl กรุณาไปยัง Sherrie Car Rental ที่เทอร์มินัล E เพื่อไปรับรถที่คุณเช่า
ตัวเลือก:
(A) arrive (v.) มาถึง
(B) arrives (v.) มาถึง
(C) arrival (n.) การมาถึง
(D) arrived (v.) มาถึง
Further measures to improve air quality in the Chicago processing plant ________ in October.
(A) take
(B) to take
(C) be taken
(D) will be taken
คำตอบ
(D) will be taken
คำอธิบาย
ประโยคนี้มีประธานคือ further measures แต่ยังไม่มี verb เราจึงสามารถตัดข้อ B (to take) และ C (be taken) ทิ้งได้ เพราะทั้ง 2 ข้อ ไม่ใช่ verb แท้
คำว่า further measures แปลว่า “มาตรการเพิ่มเติม” ซึ่งเป็นสิ่งที่จะต้องถูกกระทำโดยบุคคล เราจึงต้องใช้รูปถูกกระทำ (passive voice) ซึ่งก็คือโครงสร้าง “verb to be + verb ช่อง 3”
เมื่อดูข้อ A (take) กับข้อ D (will be taken) เราจะเห็นได้ว่ามีแต่ข้อ D เท่านั้นที่เป็นรูปถูกกระทำ เราจึงต้องตอบข้อ D
คำแปล
(ในการทำโจทย์ เราจะดูคำแปลเป็นหลักไม่ได้ เพราะคำแปลจะมีโครงสร้างประโยคและชนิดคำไม่ตรงกับภาษาอังกฤษทั้งหมด คำแปลนั้นมีไว้เพื่อเสริมความเข้าใจในด้านความหมายเท่านั้น)
โจทย์: มาตรการเพิ่มเติมในการปรับปรุงคุณภาพอากาศในโรงงานแปรรูปที่ชิคาโก้ ________ ในเดือนตุลาคม
ตัวเลือก:
(A) take ดำเนินการ
(B) to take ที่จะดำเนินการ
(C) be taken ถูกดำเนินการ
(D) will be taken จะถูกดำเนินการ
ตัวอย่างโจทย์ incomplete sentences ที่วัดคำศัพท์
All the narrow streets leading to the railroad depot are ________ for repaving this month.
(A) allowed
(B) scheduled
(C) advanced
(D) caused
คำตอบ
(B) scheduled
คำแปล
โจทย์: ถนนเส้นแคบๆ ทั้งหมด ที่มุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟ จะถูก ________ สำหรับการปรับปรุงใหม่ในเดือนนี้
ตัวเลือก:
(A) allowed (v.) อนุญาต, ยินยอม
(B) scheduled (v.) ตั้งกำหนดการ, นัดเวลา
(C) advanced (v.) คืบหน้า
(D) caused (v.) ทำให้เกิด, เป็นสาเหตุของ
The finance department has written a ________ description of various cost-cutting options.
(A) detailed
(B) timed
(C) regulated
(D) sized
คำตอบ
(A) detailed
คำแปล
โจทย์: ฝ่ายการเงินได้เขียนคำอธิบาย ________ เกี่ยวกับแนวทางการลดต้นทุนหลายทางเลือก
ตัวเลือก:
(A) detailed (adj.) ละเอียด
(B) timed (adj.) ทันเวลา, ตั้งเวลาไว้
(C) regulated (adj.) อยู่ในระเบียบบังคับ, อยู่ในการกำกับควบคุม
(D) sized (adj.) มีขนาดเท่า… (มักใช้คู่กับคำอื่น เช่น a bear-sized umbrella แปลว่า ร่มขนาดเท่าหมี)
หัวข้อที่ออกสอบและการเตรียมตัว
การรู้หัวข้อที่ออกสอบและแนวทางการเตรียมตัว ถือเป็นสิ่งสำคัญในการสอบให้ได้คะแนนดีๆ ซึ่งก็เช่นเดียวกันสำหรับข้อสอบ incomplete sentences ของ TOEIC
หัวข้อที่ออกสอบ
หัวข้อที่ออกในข้อสอบ incomplete sentences หลักๆ แล้วมักประกอบไปด้วย (ข้อสอบแต่ละชุดอาจออกสอบหัวข้อแกรมม่าต่างกันอยู่บ้าง)
- คำศัพท์ (vocabulary)
- แกรมม่า (grammar)
- ชนิดคำ (parts of speech)
- โครงสร้างประโยค (sentence structure)
- รูปกริยา (tense)
- รูปถูกกระทำ (passive voice)
- การใช้กริยารูปไม่ผัน (infinitive)
- การใช้กริยารูป s/es (subject-verb agreement)
- คำบุพบท (preposition)
- คำเชื่อม (conjunction)
- คำสรรพนาม (pronoun)
- อื่นๆ
การเตรียมตัวสอบ
การเตรียมตัวสอบ จะมีรายละเอียดด้านเนื้อหาและด้านอื่นๆ ดังนี้
- เรื่องคำศัพท์นั้นสำคัญมาก เพราะมีข้อที่วัดความรู้ศัพท์เยอะ และการรู้ศัพท์ยังช่วยให้เราอ่านและทำความเข้าใจตัวข้อสอบได้ดีขึ้นอีกด้วย ถ้าจะให้ดี เราก็ควรเตรียมตัวเรื่องคำศัพท์ไว้ให้แน่นๆ เลย
- สำหรับแกรมม่า เรื่องที่ออกเยอะสุดก็คือชนิดของคำ (parts of speech) ซึ่งการทำโจทย์เรื่องนี้ เราจะต้องใช้ความรู้ 2 อย่าง ได้แก่
- การวิเคราะห์โครงสร้างประโยค – เราจะต้องมองให้ออกว่าคำไหนในประโยคเป็นประธาน คำไหนเป็น verb คำไหนเป็นส่วนขยาย และจะต้องรู้ว่าคำชนิดไหนมักจะวางไว้ตำแหน่งไหน เช่น adjective มักจะอยู่หน้า noun หรือหลัง verb to be
- ชนิดของคำ – ถ้าโจทย์ให้ตัวเลือกมาเป็น real, reality, really, realize เราจะต้องรู้ว่าคำไหนเป็น noun, verb, adjective, adverb เป็นต้น ซึ่งความรู้เรื่องคำศัพท์จะช่วยเราในจุดนี้ได้ด้วย แต่ถ้าเราไม่ค่อยรู้ศัพท์ การรู้ suffix ก็จะช่วยให้เราเดาชนิดของคำได้ดีขึ้น เช่น ถ้าเรารู้ว่า คำที่ลงท้ายด้วย suffix -ize มักจะเป็น verb เมื่อเราเห็นคำว่า realize เราก็จะเดาได้ว่า มันก็คือ verb นั่นเอง
- แกรมม่าเรื่องที่ออกบ่อยรองลงมาก็คือเรื่อง tense จริงอยู่ที่ tense นั้นมีทั้งหมด 12 tenses แต่ที่ใช้สอบจริงๆ จะมีแค่ 8 tenses เท่านั้น ซึ่งก็คือ
- Present simple
- Present continuous
- Present perfect
- Past simple
- Past continuous
- Past perfect
- Future simple
- Future perfect
- แกรมม่าเรื่อง tense มักจะออกปนๆ กับเรื่อง passive voice (รูปถูกกระทำ), infinitive (การใช้ verb รูปที่ไม่ผัน) และ subject-verb agreement (การใช้กริยารูปเติม s/es) เราจึงควรเตรียมตัวกับเนื้อหาทั้ง 3 เรื่องนี้ด้วย
- เรื่องที่อาจจะไม่ได้ออกเยอะ แต่ค่อนข้างชัวร์ว่ามี ก็คือเรื่อง preposition (คำบุพบท) และ conjunction (คำเชื่อม) ดังนั้น เราจึงควรเรียนรู้ preposition และ conjunction ตัวที่สำคัญเอาไว้ ทั้งในด้านความหมายและการใช้
- เรื่อง pronoun (คำสรรพนาม) ก็เป็นอีกเรื่องที่แม้จะไม่ได้ออกเยอะ แต่ก็ออกบ่อย ถ้าจะให้ดี เราก็ควรเตรียมตัวกับเรื่องนี้เอาไว้ โดยเฉพาะในส่วนของ personal pronoun, relative pronoun และ indefinite pronoun
- นอกจากหัวข้อเรื่องที่กล่าวมาแล้ว เรื่องอื่นๆ ที่มีออกสอบบ้างปะปรายก็อย่างเช่น determiner, conditional clause, subjunctive ซึ่งสำหรับหัวข้อเหล่านี้ ถ้าเรามีเวลาพอ ก็ควรที่จะเตรียมเอาไว้ แต่ถ้าเวลาเราค่อนข้างกระชั้น เราก็อาจเลือกที่จะข้ามไปก่อนก็ได้ ไว้ถ้ามีเวลาเหลือค่อยกลับมาดูทีหลัง
- ถ้าเรามีเวลาพอ เราก็ควรเรียนและทบทวนแกรมม่าเรื่องหลักๆ ให้ครบทุกเรื่อง เพราะแม้บางเรื่องจะไม่ได้ออกสอบในพาร์ทแกรมม่าโดยตรง (พาร์ท 5 และ 6) แต่ก็มีส่วนช่วยให้เราสามารถเข้าใจเนื้อหาภาษาอังกฤษ ทั้งในพาร์ทการอ่านและการฟังได้ดีขึ้น เช่น ถ้าเรารู้ว่า verb รูป -ing สามารถใช้เป็นคำนามได้ด้วย (เรื่อง gerund) เวลาเราเจอในบทความ เราก็จะเข้าใจความหมายของมันได้ดีขึ้น
- นอกจากการเรียนและทบทวนเนื้อหาแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการเตรียมตัวสอบก็คือการฝึกทำโจทย์ โดยเฉพาะโจทย์ที่เป็นข้อสอบเก่า การฝึกทำโจทย์จะช่วยให้เราได้ฝึกกระบวนการคิด และได้รู้จุดอ่อนของตัวเอง ว่าเรายังขาดความรู้เรื่องไหน ทำให้เราสามารถเตรียมตัวเพิ่มเติมได้ถูกจุดมากขึ้น
เทคนิคการทำข้อสอบ incomplete sentences
สำหรับเทคนิคการทำข้อสอบ จะมีอยู่ 3 ข้อหลักๆ ซึ่งก็คือ
1. การมองตัวเลือกก่อนมองโจทย์
เทคนิคนี้จะช่วยให้เราประหยัดเวลาได้ เพราะการมองตัวเลือกก่อน จะช่วยให้เราจับทางได้ว่าโจทย์ข้อนี้วัดเรื่องอะไร และเวลาดูโจทย์จะต้องโฟกัสไปที่จุดไหน ยกตัวอย่างเช่น
A comprehensive company profile allows for a more ________ interaction with potential clients.
(A) productivity
(B) productive
(C) production
(D) product
คำตอบ
(B) productive
คำอธิบาย
คำว่า more เป็น adverb ส่วนคำว่า interaction เป็น noun ซึ่งตามหลักแล้ว คำที่อยู่ตรงกลางระหว่าง adverb และ noun นั้นจะต้องเป็น adjective เท่านั้น จากตัวเลือก 4 ข้อ จะมีแค่ข้อ B ที่เป็น adjective เราจึงต้องตอบข้อ B
คำแปล
(ในการทำโจทย์ เราจะดูคำแปลเป็นหลักไม่ได้ เพราะคำแปลจะมีโครงสร้างประโยคและชนิดคำไม่ตรงกับภาษาอังกฤษทั้งหมด คำแปลนั้นมีไว้เพื่อเสริมความเข้าใจในด้านความหมายเท่านั้น)
โจทย์: ข้อมูลบริษัทที่ครอบคลุมจะช่วยให้เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ ________ มากขึ้นกับกลุ่มลูกค้าที่อาจใช้บริการเรา
ตัวเลือก:
(A) productivity (n.) ความสามารถในการผลิต
(B) productive (adj.) มีประสิทธิผล
(C) production (n.) การผลิต
(D) product (n.) ผลิตภัณฑ์
สำหรับข้อข้างบนนี้ ถ้ามองตัวเลือก เราจะรู้ว่าเป็นโจทย์ที่วัดแกรมม่าเรื่องชนิดของคำ ดังนั้น เวลาดูโจทย์ เราจึงต้องโฟกัสไปที่โครงสร้างของประโยค
Refunds can take up to three weeks, though incorrect charges are eligible for ________ reimbursement.
(A) affordable
(B) essential
(C) extended
(D) immediate
คำตอบ
(D) immediate
คำแปล
โจทย์: การคืนสินค้าเพื่อรับเงินคืนจะใช้เวลามากสุด 3 สัปดาห์ แต่สำหรับการเรียกชำระเงินที่ผิดพลาด จะสามารถรับเงินคืนได้ ________
ตัวเลือก:
(A) affordable (adj.) ราคาไม่แพง
(B) essential (adj.) สำคัญ, จำเป็น
(C) extended (adj.) ขยาย
(D) immediate (adj.) ทันที
ส่วนข้อนี้ ถ้ามองตัวเลือก เราจะรู้ว่าเป็นโจทย์ที่วัดคำศัพท์ เพราะฉะนั้น เวลาอ่านโจทย์ เราจึงสามารถโฟกัสไปที่ความหมายได้เลย
2. การตัดตัวเลือก
เทคนิคนี้เป็นเทคนิคคลาสสิก แต่ก็สามารถใช้กับข้อสอบ incomplete sentences ของ TOEIC ได้เช่นกัน
โจทย์บางข้อแม้เราจะไม่มั่นใจ 100% ว่าข้อไหนถูก แต่การตัดตัวเลือกที่เรารู้ว่าผิดแน่ๆ ทิ้ง ก็จะช่วยให้เรามีโอกาสถูกมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
Dr. Garcia ________ everyone in the lab to a special dinner after the research project’s successful conclusion.
(A) to treat
(B) treated
(C) treating
(D) was treated
คำตอบ
(B) treated
คำอธิบาย
ประโยคนี้มี Dr. Gracia เป็นประธาน แต่ยังไม่มี verb ซึ่งเมื่อดูตัวเลือก เราจะสามารถตัดข้อ A (to treat) และ C (treating) ทิ้งได้ เพราะทั้ง 2 ข้อ ต่างก็ไม่ใช่ verb แท้ (ข้อ C ขาด verb to be)
เมื่อดูข้อ B (treated) และ D (was treated) เราจะเห็นได้ว่าข้อ B เป็นรูปกระทำเอง ส่วนข้อ D เป็นรูปถูกกระทำ (โครงสร้าง verb to be + verb ช่อง 3)
เนื่องจาก Dr. Gracia เป็นคนเลี้ยงอาหารเย็น ไม่ใช่คนที่ถูกเลี้ยง เราจึงต้องตอบข้อ B (ถ้า Dr. Gracia เป็นคนถูกเลี้ยง หน้า everyone จะต้องมีคำว่า by ด้วย ซึ่งจะได้ประโยคเต็มเป็น Dr. Gracia was treated by everyone…)
คำแปล
(ในการทำโจทย์ เราจะดูคำแปลเป็นหลักไม่ได้ เพราะคำแปลจะมีโครงสร้างประโยคและชนิดคำไม่ตรงกับภาษาอังกฤษทั้งหมด คำแปลนั้นมีไว้เพื่อเสริมความเข้าใจในด้านความหมายเท่านั้น)
โจทย์: ด็อกเตอร์ Garcia ________ อาหารมื้อเย็นสุดพิเศษแก่ทุกคนในแล็ป หลังการสรุปผลงานวิจัยที่ประสบความสำเร็จ
ตัวเลือก:
(A) to treat ที่จะเลี้ยง
(B) treated ได้เลี้ยง
(C) treating การเลี้ยง, กำลังเลี้ยง
(D) was treated ได้ถูกเลี้ยง
ในข้อนี้ เราจะสามารถตัดข้อ A และ C ได้ง่ายๆ เลย เพราะทั้ง 2 ข้อ ไม่ใช่ verb แท้ แต่ตัวประโยคยังขาด verb อยู่
ถึงแม้บางคนอาจจะไม่ชัวร์ระหว่างข้อ B และ D แต่การตัดตัวเลือก A และ C ทิ้ง ก็จะทำให้เรามีโอกาสถูกสูงขึ้นกว่าเดิมมาก
3. การเตรียมตัว
ไม่มีเทคนิคไหนที่จะช่วยให้เราทำข้อสอบได้ ถ้าเราเตรียมตัวไปไม่ดีพอ เทคนิคสุดยอดที่อยู่เหนือเทคนิคทั้งปวง จึงหนีไม่พ้นการเตรียมตัวที่ดี ซึ่งก็คือการหมั่นเรียน หมั่นทบทวนเนื้อหา และฝึกทำโจทย์เยอะๆ นั่นเอง
จบแล้วนะครับกับข้อสอบ TOEIC ในส่วนของ incomplete sentences ที่นี้เพื่อนๆ ก็คงจะรู้กันแล้วว่า incomplete sentences คืออะไร มีแนวทางเตรียมตัวยังไง และมีเทคนิคอะไรบ้างในการทำข้อสอบ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะครับ
สำหรับใครที่จะสอบ TOEIC ชิววี่ก็ขอเป็นกำลังใจให้สอบได้คะแนนดีๆ นะครับ สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time