Auxiliary verb (คำกริยาช่วย) คืออะไร มีการใช้อย่างไร และมีตัวอย่างประโยคอะไรบ้าง
สำหรับเพื่อนๆที่ยังคาใจกับคำถามเหล่านี้ก็ขอให้วางใจได้ เพราะในบทความนี้ ชิววี่ได้เรียบเรียงเนื้อหาเกี่ยวกับ auxiliary verb มาให้ได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆแล้ว เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย
Auxiliary verb คืออะไร
Auxiliary verb (หรือ helping verb) คือคำกริยาช่วย ซึ่งจะใช้หน้าคำกริยาหลัก เพื่อช่วยสื่อความหมาย หรือช่วยบอก tense
ตัวอย่าง auxiliary verb ก็อย่างเช่นคำว่า is, am, are, do, does, has, have, can, could, will, would, may, might, shall, should
ยกตัวอย่างการใช้ในประโยคก็อย่างเช่น
He can swim.
เขาว่ายน้ำเป็น
(คำว่า swim เป็นคำกริยาหลัก ส่วนคำว่า can เป็น auxiliary verb ทำหน้าที่ช่วยสื่อความหมายว่าเขาสามารถทำสิ่งนั้นได้)
I am using my phone.
ฉันกำลังใช้โทรศัพท์อยู่
(คำว่า using เป็นคำกริยาหลัก ส่วนคำว่า am เป็น auxiliary verb ทำหน้าที่ช่วยบอกว่าเป็น present continuous tense)
หลักการใช้ auxiliary verb
หลักๆแล้ว เราจะใช้ auxiliary verb หน้าคำกริยาหลัก เพื่อช่วยสื่อความหมาย หรือช่วยบอก tense
แต่รายละเอียดการใช้นั้นก็จะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความหมายและหลักแกรมม่าของ auxiliary verb แต่ละคำ
สำหรับใครที่อยากรู้วิธีและตัวอย่างการใช้ auxiliary verb แต่ละคำ ก็มาดูตารางสรุป auxiliary verb ที่นิยมสอนกันทั้ง 24 ตัวได้เลย
Auxiliary verb | ความหมาย (หรือการใช้) | ตัวอย่างประโยค |
---|---|---|
Is | (ใช้ใน present continuous tense หรือ passive voice) | He is sleeping. เขานอนหลับอยู่ |
Am | (ใช้ใน present continuous tense หรือ passive voice) | I am doing homework. ฉันกำลังทำการบ้าน |
Are | (ใช้ใน present continuous tense หรือ passive voice) | You are loved by many people. คุณถูกรักโดยผู้คนหลายคน |
Was | (ใช้ใน past continuous tense หรือ passive voice) | I was sleeping when you called me. ฉันหลับอยู่ตอนที่คุณโทรมา |
Were | (ใช้ใน past continuous tense หรือ passive voice) | We were punished by the teacher. พวกเราถูกลงโทษโดยคุณครู |
Has | (ใช้ใน perfect tense) | Joe has been to U.K. twice. โจเคยไปประเทศอังกฤษมาสองครั้ง |
Have | (ใช้ใน perfect tense) | They have been married for 10 years. พวกเขาแต่งงานมาได้ 10 ปีแล้ว |
Had | (ใช้ใน perfect tense) | I had met her before the party. ฉันเคยเจอเธอก่อนหน้างานปาร์ตี้ |
Does | (ใช้เพื่อเน้นย้ำ ใช้ในประโยคปฏิเสธ ใช้ในประโยคคำถาม) | She doesn’t want to be here. เธอไม่ต้องการอยู่ที่นี่ |
Do | (ใช้เพื่อเน้นย้ำ ใช้ในประโยคปฏิเสธ ใช้ในประโยคคำถาม) | I do love you. ฉันรักคุณนะ |
Did | (ใช้เพื่อเน้นย้ำ ใช้ในประโยคปฏิเสธ ใช้ในประโยคคำถาม) | You didn’t lock the door. คุณไม่ได้ล็อคประตู |
Can | สามารถ | She can speak Chinese. เธอพูดภาษาจีนได้ |
Could | สามารถ, อาจจะ | You hung up before I could say anything. คุณวางสายก่อนที่ฉันจะสามารถพูดอะไรได้ |
May | อาจจะ | He may love you. เขาอาจจะรักคุณ |
Might | อาจจะ | I might call you tonight. ฉันอาจจะโทรหาคุณคืนนี้ |
Will | จะ (ใช้ใน future tense) | They will come here. พวกเขาจะมาที่นี่ |
Would | จะ (อาจใช้ใน future tense) | She promised that she would help me. เธอได้สัญญาว่าเธอจะช่วยฉัน |
Shall | จะ (ใช้ใน future tense) | I shall never forget you. ฉันจะไม่ลืมคุณ |
Should | ควรจะ | You should finish your homework today. คุณควรจะทำการบ้านให้เสร็จวันนี้ |
Must | ต้อง | I must feed my dog every day. ฉันต้องให้อาหารสุนัขของฉันทุกวัน |
Need | ต้องการ, จำเป็น | You need not worry. คุณไม่จำเป็นต้องกังวล |
Dare | กล้า | No one dare go to that house alone. ไม่มีใครกล้าไปบ้านหลังนั้นคนเดียว |
Ought to | ควรจะ | My kid ought to be home by 8 o’clock. ลูกของฉันควรจะถึงบ้านก่อน 8 โมง |
Used to | เคย | He used to be a singer. เขาเคยเป็นนักร้อง |
เพื่อนๆสามารถดูคำอธิบายการใช้ auxiliary verb แบ่งตามหมวดหมู่ได้ดังนี้
1. Verb to be
Verb to be ได้แก่คำว่า is, am, are, was, were, be, being, been
การใช้ verb to be เป็น auxiliary verb จะแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือการใช้ใน continuous tense ซึ่งมีโครงสร้างคือ “verb to be + verb -ing” อย่างเช่น
I am waiting for my friend.
ฉันกำลังรอเพื่อนของฉันอยู่
และการใช้ใน passive voice (รูปประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ) ซึ่งมีโครงสร้างคือ “verb to be + verb ช่อง 3” อย่างเช่น
Two men were arrested by the police.
ผู้ชาย 2 คนถูกจับกุมโดยตำรวจ
2. Verb to have
Verb to have ได้แก่คำว่า has, have, had
เราจะใช้ verb to have เป็น auxiliary verb ใน perfect tense ซึ่งมีโครงสร้างคือ “verb to have + verb ช่อง 3” ตัวอย่างเช่น
I have been to New Zealand once.
ฉันเคยไปนิวซีแลนด์มาแล้วหนึ่งครั้ง
3. Verb to do
Verb to do ได้แก่คำว่า does, do, did
เราจะใช้ verb to do เป็น auxiliary verb เมื่อต้องการเน้นย้ำถึงการกระทำใดๆ อย่างเช่น
I do feel sad.
ฉันรู้สึกเศร้านะ
หรือเมื่อใช้ในประโยคปฏิเสธหรือประโยคคำถาม ตัวอย่างเช่น
He doesn’t like me.
เขาไม่ชอบฉัน
Do you want tea or coffee?
คุณต้องการชาหรือกาแฟ
4. Modal auxiliaries
Modal auxiliaries (หรือ modal verb) เป็นส่วนหนึ่งของ auxiliary verb ซึ่งก็คือคำกริยาช่วยที่ใช้เปลี่ยนแปลงความหมายของประโยค อย่างเช่น can, could, may, might, will, would, shall, should, must, need, dare, ought to, used to
คำเหล่านี้จะมีบทบาทในการช่วยสื่อความหมาย เช่น กล่าวถึงความสามารถ ความเป็นไปได้ การอนุญาต หน้าที่ความรับผิดชอบ ฯลฯ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคำ
การใช้คำเหล่านี้ในประโยค เราจะใช้โครงสร้าง “modal verb + verb ช่อง 1” ตัวอย่างเช่น
I may see you tomorrow.
ฉันอาจจะเจอคุณพรุ่งนี้
You must do your homework before playing video games.
คุณต้องทำการบ้านก่อนจะเล่นเกม
การใช้ auxiliary verb พร้อมกันหลายตัว
ในบางรูปประโยค อย่างเช่น ประโยคที่ใช้ present perfect continuous tense เราจะใช้ auxiliary verb พร้อมกันหลายตัว อย่างเช่น
It has been raining for two hours.
ฝนตกต่อเนื่องมาสองชั่วโมงแล้ว
(คำว่า raining เป็นคำกริยาหลัก ส่วนคำว่า has และ been เป็น auxiliary verb ทั้งคู่)
จบแล้วนะครับกับ auxiliary verb หรือคำกริยาช่วยในภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและพอจะนำไปใช้กันได้แล้วนะครับ
อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time