Phrasal verb คือคำกริยาที่ใช้ร่วมกับคำชนิดอื่น อย่างเช่น turn on, shut down, break up ซึ่งคำเหล่านี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก ในการใช้ภาษาอังกฤษ
ในบทความนี้ ชิววี่ได้เรียบเรียงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ phrasal verb ทั้งความหมาย โครงสร้าง วิธีการใช้ รวมไปถึงตัวอย่าง phrasal verb ที่ใช้บ่อย พร้อมทั้งคำแปลและตัวอย่างประโยค มาให้เพื่อนๆ ได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆ แล้ว เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆ พร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย
Phrasal verb คืออะไร
Phrasal verb (กริยาวลี) คือ verb ที่ใช้ร่วมกับ adverb และ/หรือ preposition เช่น break up, turn on, run away โดยความหมายที่ได้มักจะต่างจากเมื่อใช้แยกกัน
จากตัวอย่าง ความหมายเมื่อใช้แยกกันและร่วมกัน นั้นได้แก่
- break (ทำลาย, แตกหัก) + up (ขึ้น) = break up (เลิกคบ)
- turn (หมุน, หัน) + on (บน) = turn on (เปิด)
- run (วิ่ง) + away (ออกไป) = run away (วิ่งหนี)
โครงสร้างของ phrasal verb
Phrasal verb มีโครงสร้าง 3 แบบ คือ
- Verb + adverb (เช่น run away, break down, get back)
- Verb + preposition (เช่น look after, get on, deal with)
- Verb + adverb + preposition (เช่น look out for, come up against, look forward to)
วิธีสังเกตง่ายๆ ว่าคำที่อยู่หลัง verb เป็น adverb หรือ preposition ก็คือ
- คำที่เติมคำนามหรือคำสรรพนามตามหลังได้เลยจะเป็น preposition (เช่น look after the patient ซึ่งแปลว่า “ดูแลคนไข้” คำว่า after ในที่นี้ถือเป็น preposition)
- คำที่เติมคำนามหรือคำสรรพนามตามหลังไม่ได้ หรือต้องมี preposition มาเชื่อมก่อน จะถือเป็น adverb (เช่น run away ถ้าจะใช้คำนามหรือคำสรรพนามต่อท้าย จะต้องใช้ from มาเชื่อม อย่างเช่น run away from the dog ซึ่งแปลว่า “วิ่งหนีสุนัข” คำว่า away ในที่นี้จึงถือเป็น adverb)
ทั้งนี้ ในภาษาอังกฤษ คำบางคำก็สามารถเป็นได้ทั้ง adverb และ preposition ขึ้นอยู่กับบริบทการใช้ อย่างเช่นคำว่า on ในตัวอย่าง
The show must go on.
การแสดงจะต้องดำเนินต่อไป
(คำว่า on ในที่นี้ถือเป็น adverb เพราะไม่ได้ทำหน้าที่เชื่อมคำนามหรือคำสรรพนาม)
We got on the bus.
พวกเราได้ขึ้นรถบัส
(คำว่า on ในที่นี้ถือเป็น preposition เพราะใช้เชื่อมคำนาม the bus)
Phrasal verb กับ prepositional verb
บางตำราจะแยก phrasal verb กับ prepositional verb ออกจากกัน โดยจะถือว่า
- Phrasal verb คือ verb + adverb และ verb + adverb + preposition
- Prepositional verb คือ verb + preposition
แต่หลายตำราและพจนานุกรมส่วนใหญ่มักจะเรียกทั้งหมดนี้รวมกันว่า phrasal verb เลย เพราะถือว่ามีรายละเอียดการใช้ไม่ต่างกันมากนัก ซึ่งในบทความนี้ เราก็จะเรียกทั้งหมดรวมกันว่า phrasal verb เช่นกัน
ทบทวนความรู้
Adverb (คำกริยาวิเศษณ์) คือคำที่ใช้ขยายคำชนิดอื่น ที่ไม่ใช่คำนามหรือคำสรรพนาม เช่น slowly, quickly, happily, very, often อย่างเช่นในประโยค I ran slowly. (ฉันวิ่งอย่างช้าๆ)
Adverb ที่ใช้ใน phrasal verb บ่อยๆ ก็อย่างเช่น about, away, back, by, down, in, off, on, out, over, up (บางคำก็เป็นได้ทั้ง adverb และ preposition)
Preposition (คำบุพบท) คือคำที่ใช้เชื่อมคำนามและคำสรรพนาม เข้ากับคำชนิดอื่น โดยมักจะวางไว้หน้าคำนามหรือคำสรรพนามนั้น เช่นคำว่า in, on, at, into, onto อย่างเช่นในประโยค I live in Thailand. (ฉันอาศัยอยู่ในประเทศไทย)
Preposition ที่ใช้ใน phrasal verb บ่อยๆ ก็อย่างเช่น in, on, at, to, into, with, without, off, for, over (บางคำก็เป็นได้ทั้ง adverb และ preposition)
หลักการใช้ phrasal verb
Phrasal verb จะเหมือน verb ทั่วไปตรงที่บางคำก็ใช้กรรมได้ (เช่น take off the shoes ซึ่งแปลว่า “ถอดรองเท้า”) แต่บางคำก็ไม่ต้องมีกรรม (เช่น watch out ซึ่งแปลว่า “ระวัง”)
สำหรับ phrasal verb ที่ใช้กับกรรมได้ เราจะแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ซึ่งก็คือ
1. Phrasal verb ที่ใช้แยกกันได้
Phrasal verb ชนิดนี้ เราสามารถเอากรรมมาแทรกตรงกลางระหว่าง phrasal verb ได้ ยกตัวอย่างเช่น
Please turn off the mobile phone.
Please turn the mobile phone off.
กรุณาปิดมือถือ
I threw away the book.
I threw the book away.
ฉันโยนหนังสือทิ้ง
การใช้ phrasal verb ชนิดนี้จะมีข้อควรรู้เพิ่มเติม 2 ข้อ ซึ่งก็คือ
1) ถ้ากรรมเป็น object pronoun (ได้แก่ me, you, him, her, it, us, them) เราจะต้องใช้ object pronoun คั่นกลางเท่านั้น
I threw it away.
I threw away it.
ฉันโยนมันทิ้งไป
2) ถ้ากรรมเป็นวลียาว เราจะนิยมใช้กรรมหลัง phrasal verb มากกว่าใช้คั่นกลาง
Can you pass out our new black booklets and 2B pencils?
Can you pass our new black booklets and 2B pencils out? (พอใช้ได้ แต่ไม่นิยม)
คุณช่วยแจกจ่ายเอกสารหนังสือสีดำอันใหม่และดินสอ 2B ให้หน่อยได้มั้ย
2. Phrasal verb ที่ใช้แยกกันไม่ได้
Phrasal verb ชนิดนี้ เราไม่สามารถเอากรรมมาแทรกตรงกลางระหว่าง phrasal verb ได้ ยกตัวอย่างเช่น
She looked after her grandma for many years.
She looked her grandma after for many years.
เธอได้ดูแลย่าของเธอเป็นระยะเวลานานหลายปี
All athletes should listen to their coaches.
All athletes should listen their coaches to.
นักกีฬาทุกคนควรฟังโค้ช
Phrasal verb บางคำอาจมีหลายความหมาย
Phrasal verb บางคำอาจมีหลายความหมาย ซึ่งแต่ละความหมายอาจต้องมีหรือไม่ต้องมีกรรม หรือใช้แยกได้หรือแยกไม่ได้ต่างกัน อย่างเช่น
I passed out yesterday.
ฉันเป็นลมเมื่อวาน
(Pass out เมื่อแปลว่า “เป็นลม” จะไม่ต้องมีกรรม)
Please pass out the books.
Please pass the books out.
กรุณาช่วยแจกจ่ายหนังสือให้หน่อย
(Pass out เมื่อแปลว่า “แจกจ่าย” จะต้องมีกรรม และจะสามารถใช้กรรมคั่นกลางได้)
การจะรู้ว่า phrasal verb คำและความหมายไหนใช้อย่างไร ส่วนใหญ่แล้วเราจะจำได้จากความคุ้นชิน ซึ่งก็คือจะต้องเจอ phrasal verb เหล่านั้นผ่านหูผ่านตาบ่อยๆ นั่นเอง
การเรียนรู้ phrasal verb ก็เหมือนกับการเรียนรู้คำศัพท์ คือถ้าคำไหนที่เราไม่รู้ความหมาย หรือใช้ไม่เป็น เราก็ควรเปิดพจนานุกรมดู ซึ่งยิ่งถ้าเราเปิดดูบ่อยเท่าไร เราก็จะยิ่งเข้าใจและจดจำ phrasal verb ได้มากขึ้นเท่านั้น
Phrasal verb ที่ใช้บ่อย 100 คำ
หลังจากที่รู้กันแล้วว่า phrasal verb คืออะไร และมีการใช้อย่างไร เราก็มาเรียนรู้ phrasal verb ที่ใช้บ่อย 100 คำ พร้อมคำแปลและตัวอย่างประโยคกันเถอะ
ตารางรวม phrasal verb ที่ใช้บ่อย 100 คำ
ลำดับ | Phrasal Verb | ความหมาย | ตัวอย่างประโยค |
---|---|---|---|
1 | Break down | เสีย, แบ่ง, ร้องไห้ | The car broke down in the middle of the street. รถยนต์เสียกลางถนน |
2 | Break into | บุกรุก, พังเข้าไป | Someone broke into the office last night. มีคนพังออฟฟิศเข้าไปเมื่อคืนนี้ |
3 | Break off | หยุดพูด, ยุติ, แยกออก | Everyone broke off when the boss walked in. ทุกคนหยุดพูดเมื่อหัวหน้าเดินเข้ามา |
4 | Break out | หลบหนี, อุบัติ | He broke out of the prison. เขาหลบหนีออกจากคุก |
5 | Break up | เลิกคบ, แยกทาง | We should break up. พวกเราควรเลิกกัน |
6 | Bring about | ทำให้เกิด, เป็นสาเหตุของ | That speech brought about a change in public opinion. การพูดคราวนั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของความเห็นในหมู่สาธารณชน |
7 | Bring back | เอากลับมา, เอามาคืน, ทำให้นึกถึง | The astronauts brought back some rocks from the moon. เหล่านักบินอวกาศได้นำหินส่วนหนึ่งกลับมาจากดวงจันทร์ |
8 | Bring down | ทำให้ลดลง, ทำให้สูญเสียอำนาจ | These drugs can bring your heart rate down. ยาเหล่านี้สามารถทำให้หัวใจเต้นช้าลงได้ |
9 | Bring in | เอาเข้ามา, ได้รับ, นำ (บางคน) เข้ามาช่วย | The police were brought in to prevent the violence. ตำรวจถูกนำเข้ามาเพื่อป้องกันความรุนแรง |
10 | Bring out | ทำออกมาขาย, เผยออกมา | She has brought out a new book. เธอทำหนังสือเล่มใหม่ออกมา |
11 | Bring up | เลี้ยงดู, นำขึ้นมา, เปิดขึ้นมา | My mom brought up five children by herself. แม่ของฉันเลี้ยงดูเด็กห้าคนให้เติบโตขึ้นเพียงลำพัง |
12 | Care for | ดูแล, ห่วงใย | He doesn’t know how to care for his pet. เขาไม่รู้วิธีการดูแลสัตว์เลี้ยงของเขา |
13 | Carry on | ทำต่อ, ดำเนินต่อ | You shouldn’t carry on spending money like that. คุณไม่ควรใช้เงินแบบนั้นต่อไป |
14 | Carry out | ทำตาม, ทำให้สำเร็จ | You must carry out my orders. คุณต้องทำตามคำสั่งของฉัน |
15 | Come about | เกิดขึ้น | We are sure the change must come about slowly. พวกเราแน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดขึ้นอย่างช้าๆ |
16 | Come along | มาถึง, ไปด้วยกัน | Do you want to come along with us? คุณอยากมาด้วยกันมั้ย |
17 | Come around | มาหา, มาเยือน, เปลี่ยนความเห็น, คืนสติ | I will come around later. ฉันจะมาหาใหม่นะ |
18 | Come back | กลับมา, หวนคืน | She will never come back. เธอจะไม่กลับมาอีกแล้ว |
19 | Come down | ลดลง, ตกลงมา | The gold price will come down eventually. ในท้ายที่สุดราคาทองคำก็จะตกลงมา |
20 | Come in | มาถึง, เข้ามา | Do you want to come in for a cup of coffee? คุณอยากเข้ามาดื่มกาแฟซักถ้วยมั้ย |
21 | Come out | ออกมา, ปรากฏขึ้น | The new book will come out very soon. หนังสือเล่มใหม่จะออกมาเร็วๆนี้ |
22 | Come over | มาเยี่ยม | Do you want to come over this Saturday? คุณอยากมาบ้านฉันวันเสาร์นี้มั้ย |
23 | Come up | มาหา, โผล่ขึ้นมา | My boss came up and started talking to me. หัวหน้าได้มาหาและเริ่มพูดกับฉัน |
24 | Find out | ค้นพบ, ค้นหา | She found out that her husband had been lying to her. เธอค้นพบว่าสามีของเธอได้โกหกเธอ |
25 | Get back | ถอยไป, กลับ, ได้คืน | They got back to the office just in time. พวกเขากลับออฟฟิศทันเวลาพอดี |
26 | Get down | ทำให้เศร้า, จดลง, ย่อลง, หมอบลง | Don’t let these people get you down. อย่าปล่อยให้คนเหล่านี้มาทำให้คุณรู้สึกแย่ |
27 | Get in | บุกรุกเข้าไปข้างใน, ได้รับเลือก, มาถึง | The thieves got in my house last night. ขโมยได้บุกเข้ามาในบ้านของฉันเมื่อคืนนี้ |
28 | Get off | ออกไป, เลิกงาน, ถอด | Get off my house! ออกไปจากบ้านของฉันนะ |
29 | Get on | ทำต่อ, สวมใส่ | He can’t get his jeans on. เขาใส่กางเกงยีนส์ไม่เข้า |
30 | Get out | ออกไป, ออกนอกบ้าน, นำออกมา | Get out of the kitchen! ออกจากครัวนะ |
31 | Get through | ติดต่อ, ผ่าน, ใช้จ่าย, ฝ่าฟัน | I tried to call the customer but couldn’t get through. ฉันพยายามโทรหาลูกค้าแต่ไม่สามารถติดต่อได้ |
32 | Get up | ยืนขึ้น, ลุกขึ้น, แรงขึ้น | The whole class got up and started clapping. ทั้งห้องได้ยืนขึ้นและเริ่มปรบมือ |
33 | Give back | คืน | I will give your money back next month. ฉันจะคืนเงินคุณในเดือนถัดไป |
34 | Give in | ยอมแพ้, ยอมรับ | The government finally gave in to the protesters’ demands. ท้ายที่สุดรัฐบาลก็ยอมอ่อนข้อต่อความต้องการของผู้ประท้วง |
35 | Give out | แจก, หยุดทำงาน (เครื่องจักร, อวัยวะ) | The school gave out free masks to its students. ทางโรงเรียนได้แจกหน้ากากอนามัยให้กับนักเรียน |
36 | Give up | ยอมแพ้, เลิก | I won’t give up easily. ฉันจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ |
37 | Go along | ยอมรับ, ไปด้วย, ดำเนินไป | Everyone is expected to go along with the decision. ทุกคนถูกคาดหวังว่าจะยอมรับการตัดสินใจ |
38 | Go around | ไปเยือน, กระจาย, หมุน | Love makes the world go around. ความรักทำให้โลกยังหมุนไปได้ (เป็นสำนวน แปลว่า ความรักเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะทำให้สิ่งต่างๆ รอบตัวดำเนินต่อไปได้) |
39 | Go back | กลับ, ย้อนกลับไป | It started to rain, so we decided to go back. ฝนเริ่มตก พวกเราจึงตัดสินใจกลับ |
40 | Go down | ลงไปข้างล่าง, ลดลง | The stock price went down by 10.2% last week. ราคาหุ้นได้ลดลงมา 10.2% เมื่อสัปดาห์ก่อน |
41 | Go in | เข้าไปข้างใน, ถูกบัง | You should knock before you go in. คุณควรเคาะประตูก่อนจะเข้าไปข้างใน |
42 | Go off | ออกจาก, หยุดทำงาน, ระเบิด, ยิง | The lights went off several hours last night. ไฟดับเป็นเวลาหลายชั่วโมงเมื่อคืนนี้ |
43 | Go on | ดำเนินต่อไป | The show must go on. การแสดงจะต้องดำเนินต่อไป |
44 | Go out | ออกไปข้างนอก, คบกันเป็นแฟน | Tim used to go out with Ann. ทิมเคยคบกับแอน |
45 | Go over | เคลื่อน/เดินทางไป, ตรวจสอบ, ฝึกซ้อม | You should go over your work before you hand in. คุณควรตรวจสอบงานของคุณก่อนที่จะส่ง |
46 | Go through | ผ่าน, ตรวจสอบ | She has been going through a bad time recently. เธอได้ผ่านช่วงเวลาอันเร็วร้ายเมื่อไม่นานมานี้ |
47 | Go up | เพิ่มขึ้น, ไปทางเหนือ, สร้าง | The price of silver is going up. ราคาของเงินกำลังเพิ่มสูงขึ้น |
48 | Hold back | ยับยั้ง, ห้ามไว้, เก็บซ่อนไว้ | The police were unable to hold back the protestors. ตำรวจไม่สามารถต้านผู้ชุมนุมไว้ได้ |
49 | Hold on | จับไว้, ถือเอาไว้, รอ | He held on tightly to the handrails. เขาจับราวไว้อย่างแน่น |
50 | Hold out | ทนรับมือ, ยื่นบางสิ่งออกมา | We can’t hold out against this army any longer. พวกเราไม่สามารถทนต่อกรกับกองทัพนี้ต่อไปได้อีกแล้ว |
51 | Hold up | ยังอยู่ดี, ยังคงเข้มแข็ง, รับมือ | She is holding up well under the pressure. เธอรับมือกับความกดดันได้ดี |
52 | Look around | เดินชม, มองหา | Do you want to look around the gym? คุณอยากเดินชมยิมหน่อยมั้ย |
53 | Look back | มองย้อนกลับไป (อดีต), ย้อนกลับไปดู | When I look back, I feel sad. เมื่อฉันมองย้อนกลับไป ฉันก็รู้สึกเศร้า |
54 | Look down | ดูถูก | You shouldn’t look down on others. คุณไม่ควรดูถูกคนอื่น |
55 | Look out | ระวัง, เฝ้าระวัง | Look out! There is a car coming. ระวัง มีรถกำลังมา |
56 | Look up | ค้นหา, มองขึ้นมา | I am looking up the word “selfie” in the dictionary. ฉันกำลังมองหาคำว่า selfie ในพจนานุกรม |
57 | Make out | จัดการได้/ทนอยู่ได้, มีเพศสัมพันธ์, กอดจูบ | How did he make out while his parents were away? เขาอยู่ได้ยังไงในขณะที่พ่อแม่ของเขาไม่อยู่ |
58 | Make up | แต่งขึ้นมา | He made up some excuse about his car breaking down. เขาแต่งข้ออ้างว่ารถเสีย |
59 | Move back | ถอยกลับ, กลับไปยัง, ย้ายกลับ | We are moving back to Thailand. พวกเรากำลังจะย้ายกลับไทย |
60 | Move in | ย้ายเข้าไปอยู่ | My friend moved in here yesterday. เพื่อนฉันย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อวานนี้ |
61 | Move on | ก้าวต่อไปข้างหน้า, หันไปเริ่มสิ่งใหม่ | You should move on from your relationship. คุณควรจบความสัมพันธ์ปัจจุบัน (พร้อมเปิดรับความสัมพันธ์ใหม่) |
62 | Move out | ย้ายออก | His landlord has given him a month to move out. เจ้าของที่ได้ให้เวลาเขาหนึ่งเดือนในการย้ายออก |
63 | Move up | ขยับขึ้นมา, เลื่อนขั้น, เลื่อนชั้น | My dad has been moved up to the position of manager. พ่อของฉันได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นผู้จัดการ |
64 | Pick out | เลือก, มองออก | She picked out the biggest apples for me. เธอเลือกแอปเปิลลูกใหญ่ที่สุดให้ฉัน |
65 | Pick up | รับ (ของหรือคน), รับโทรศัพท์, ดีขึ้น | I called my aunt yesterday, but she didn’t pick up. ฉันโทรหาป้าเมื่อวาน แต่เธอไม่ได้รับ |
66 | Point out | ชี้, ชี้ให้เห็น | He pointed out the dangers of smoking. เขาชี้ให้เห็นถึงอันตรายของการสูบบุหรี่ |
67 | Put back | ใส่กลับคืน, ทำให้ล่าช้า | Please put the books back when you have finished with them. กรุณาเอาหนังสือใส่คืนที่เดิมเมื่อคุณใช้เสร็จแล้ว |
68 | Put down | วางลง, หยุด | He was tired and wanted to put his bag down. เขารู้สึกเหนื่อยและอยากวางกระเป๋าลง |
69 | Put in | ใช้, ยื่น, ซ่อม | You have to put in more effort to keep the relationship strong. คุณต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการรักษาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น |
70 | Put off | เลื่อนออกไป | I can’t put off buying a new mobile phone any longer. ฉันไม่สามารถเลื่อนการซื้อมือถือเครื่องใหม่ออกไปได้อีกแล้ว |
71 | Put on | สวมใส่, เพิ่ม | Tim put on his coat and went out. ทิมได้สวมเสื้อโค้ทและออกไป |
72 | Put out | ปิดไฟ, วางไว้, ทำให้บาดเจ็บ | She always puts out food for the stray cats. เธอเอาอาหารวางไว้ให้แมวจรจัดเป็นประจำ |
73 | Put through | ทำให้ต้องเผชิญกับ, โอนสาย | I am sorry to put you through the trouble. ฉันขอโทษที่ทำให้คุณต้องเผชิญกับปัญหา |
74 | Put up | ยกขึ้น, ติดผนัง, ให้ที่พักพิง, สร้าง | Stop and put your hands up. หยุดและยกมือขึ้น |
75 | Set about | เริ่มทำ | I will graduate and set about finding a job next month. ฉันจะเรียนจบและเริ่มหางานในเดือนถัดไป |
76 | Set down | จดลง, ระบุอย่างเป็นทางการ | He set all these events down in his notebook. เขาได้จดเหตุการณ์เหล่านี้ลงในสมุดของเขา |
77 | Set off | เริ่มเดินทาง | What time do we set off tomorrow? พวกเราจะออกเดินทางกันตอนไหน |
78 | Set out | เริ่มทำบางสิ่งอย่างมีจุดมุ่งหมาย, เริ่มแผนการ, จัดวาง | So many people set out to achieve their dreams. ผู้คนหลายคนเริ่มเดินทางทำตามความฝัน |
79 | Set up | จัดตั้ง, จัดเตรียม, นัด | They want to set up their own business. พวกเขาอยากตั้งบริษัทของตัวเอง |
80 | Sit back | นั่งอย่างสบายๆ, หยุดพยายาม | Don’t just sit back and wait for the opportunity. อย่าเอาแต่นั่งคอยโอกาส |
81 | Sit down | นั่งลง | She sat down on the sofa and played with her cat. เธอนั่งลงบนโซฟาและเล่นกับแมวของเธอ |
82 | Sit up | ลุกขึ้นนั่ง (จากที่นอนอยู่) | He sat up and reached for his phone. เขาลุกขึ้นนั่งและเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ |
83 | Take back | ถอนคำพูด, คืนสินค้า | You should take the shoes back and get a refund. คุณควรคืนรองเท้าและเอาเงินคืน |
84 | Take down | นำลงมา, เอาออก, จด | They are taking down all the posters. พวกเขากำลังเอาโปสเตอร์ทั้งหมดลง |
85 | Take in | โดนหลอก, ให้ที่พักพิง, ทำความเข้าใจและจำ | Don’t be taken in by their promises. อย่าโดนหลอกโดยคำสัญญาของพวกเขา |
86 | Take off | ถอด, เอาออก, บินขึ้น (เครื่องบิน) | Please take off your hat. กรุณาถอดหมวกของคุณออก |
87 | Take on | จ้าง, รับงานมาทำ, รับหน้าที่ | Our company took on 50 new staff last year. บริษัทของพวกเรารับพนักงานใหม่เข้ามา 50 คนเมื่อปีที่แล้ว |
88 | Take out | นำออกมา, เอาออก, ซื้ออาหารไปกินนอกร้าน/ที่บ้าน | She took out her wallet from her bag. เธอเอากระเป๋าตังออกมาจากประเป๋า |
89 | Take over | เข้าควบคุม, เข้าดำรงตำแหน่ง | The company was taken over by its main competitor in 1990. บริษัทถูกซื้อกิจการโดยคู่แข่งหลักเมื่อปี 1990 |
90 | Take up | ใช้พื้นที่, เข้ารับตำแหน่ง, เริ่มงานใหม่, เริ่มทำ | This sofa takes up too much space. โซฟาอันนี้กินพื้นที่มากเกินไป |
91 | Turn around | เลี้ยวกลับ, หมุน, กลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น | Turn around and let me look at your back. หมุนกลับหลังและให้ฉันดูด้านหลังของคุณหน่อย |
92 | Turn back | หันหลังกลับ, ถอยกลับ | I think we should turn back before it gets dark. ฉันคิดว่าพวกเราควรถอยกลับก่อนที่มันจะดึก |
93 | Turn down | ปรับลด, ปฏิเสธ | Can you turn the TV down? คุณลดเสียงทีวีหน่อยได้มั้ย |
94 | Turn off | ปิด | We have to turn off the machine. พวกเราต้องปิดเครื่องจักร |
95 | Turn on | เปิด | Can you teach me how to turn on the heater? คุณช่วยสอนวิธีเปิดเครื่องทำความร้อนแก่ฉันหน่อยได้มั้ย |
96 | Turn out | กลายเป็นว่า, ผลิต, ปิด | The weather turned out to be hotter than we thought. กลายเป็นว่าอากาศร้อนกว่าที่พวกเราคิด |
97 | Turn over | กลับด้าน | Please turn the paper over. กรุณาพลิกหน้ากระดาษ |
98 | Turn up | ปรับเพิ่ม, มาถึง | Can you turn up the speakers? คุณปรับเพิ่มเสียงลำโพงหน่อยได้มั้ย |
99 | Watch out | ระวัง | Watch out! A car is coming. ระวัง รถกำลังมา |
100 | Work out | ออกกำลังกาย | My grandpa works out every day. ตาของฉันออกกำลังกายทุกวัน |
เป็นยังไงบ้างครับกับ phrasal verb ทีนี้เพื่อนๆ ก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ
อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time