หลายคนอาจสงสัยกับคำว่า OK และ okay ว่าต่างกันยังไง มีความหมายเหมือนกันมั้ย มีคำไหนที่ถือว่าสุภาพกว่ากันรึเปล่า
เพื่อไขข้อข้องใจนี้ ชิววี่ได้เรียบเรียงข้อมูลเกี่ยวกับทั้งสองคำ ทั้งความหมาย ตัวอย่างการใช้ และที่มา มาให้ได้เรียนรู้กันแล้ว เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆ พร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย
คำว่า OK และ okay ต่างกันอย่างไร
ทั้งสองคำนี้มีความหมายและการใช้เหมือนกันทุกประการ ไม่มีคำไหนที่ถือว่าสุภาพกว่า ในกรณีทั่วๆ ไป เราสามารถเลือกใช้ OK หรือ okay ก็ได้
อย่างไรก็ตาม ในการเขียนให้กับองค์กร เราอาจต้องยึดตาม style guide (ระเบียบการใช้ภาษา) ที่องค์กรของเรากำหนด บางองค์กรอาจกำหนดให้สะกดแบบใดแบบหนึ่ง เพื่อที่ทุกคนจะได้ใช้ตรงกัน แต่บางองค์กรก็อาจไม่ได้กำหนดว่าจะต้องสะกดแบบไหน
ความหมายและการใช้
คำว่า OK และ okay นั้นจะมีหลายความหมาย สามารถใช้ได้หลากหลายแบบ ตัวอย่างเช่น
ใช้ในการตอบรับ แสดงความตกลงหรือเห็นด้วย
Jim: I’ll call you tomorrow.
จิม: ฉันจะโทรหาพรุ่งนี้นะ
Anna: OK/Okay, what time?
แอนนา: โอเค เวลาไหน
ใช้เช็คว่าอีกฝ่ายเข้าใจหรือตกลงกับเรามั้ย
You need to be more careful, OK/okay?
คุณต้องระมัดระวังมากขึ้นนะ เข้าใจมั้ย
I’ll see you at 8.00, OK/okay?
ฉันจะเจอคุณตอน 8 โมงนะ โอเคมั้ย
ใช้บอกว่าเราพร้อมแล้ว
OK/Okay, let’s do it.
พร้อมละ เริ่มทำกันเลย
ใช้คั่นหยุดระหว่างประโยค เช่น หยุดเพื่อนึก
I was hungry , OK/okay, so I went to 7-11 and met him by accident.
ฉันรู้สึกหิว…แล้วก็…ฉันก็เลยไปเซเว่นแล้วก็เจอเค้าด้วยความบังเอิญ
ใช้เป็น noun มีความหมายว่า อนุญาต, อนุมัติ
The boss gave him OK/okay.
บอสอนุญาตเค้าแล้ว
ใช้เป็น verb มีความหมายว่า เห็นด้วย, ยอมรับ
Have your parents OK’d/okay’ed with your travel plan?
ผู้ปกครองของคุณโอเคกับแผนการเดินทางของคุณรึยัง
ใช้เป็น adjective มีความหมายว่า พอใช้ได้ ไม่ดีแต่ก็ไม่แย่
Her new boyfriend seems like an OK/okay person.
แฟนใหม่ของเธอดูเป็นคนพอใช้ได้นะ
ที่มาของคำว่า OK และ okay
หลายคนอาจคิดว่า OK เป็นคำที่ย่อมาจาก okay แต่ในความเป็นจริงแล้ว คำว่า OK นั้นมีมาก่อน ส่วนคำว่า okay เป็นคำที่เกิดขึ้นทีหลัง
สำหรับที่มานั้น มีทฤษฎีหนึ่งบอกไว้ว่า ในช่วงศตวรรษที่ 19 ผู้คนในสหรัฐอเมริกาเริ่มสะกดคำว่า all correct เป็น oll korrect หรือ orl korrect เพื่อใช้เป็นมุกตลก และต่อมาก็ได้ย่อเหลือแค่ OK
ในช่วงเวลาเดียวกัน ประธานาธิบดี Martin Van Buren ซึ่งมีฉายาว่า Old Kinderhook (เพราะเค้ามาจากเมือง Kinderhook ใน New York) ก็ได้ลงเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ โดยใช้สโลแกนหาเสียงว่า “Vote for OK”
แม้ว่าเค้าจะแพ้การเลือกตั้ง แต่คำว่า OK ซึ่งถูกใช้เป็นสโลแกนหลักในการหาเสียง ก็ได้แพร่หลายและได้รับความนิยมมากขึ้นเป็นอย่างมาก ทำให้กลายมาเป็นคำที่ถูกใช้และเข้าใจโดยทุกคน
อีกไม่กี่ทศวรรษต่อมา คำว่า okay จึงค่อยเกิดขึ้น โดยถือเป็นการสะกดอีกแบบหนึ่งของ OK และนี่ก็คือที่มาของคำว่า OK และ okay นั่นเอง
เป็นยังไงบ้างครับกับข้อมูลและเรื่องราวของคำว่า OK และ okay ทีนี้เพื่อนๆ ก็คงจะเข้าใจกันแล้วว่าสองคำนี้มีความหมายและการใช้เหมือนกัน
อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time