Pronoun (คำสรรพนาม) ในภาษาอังกฤษแบ่งได้หลายชนิด ขึ้นอยู่กับหน้าที่ในประโยค ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ subject pronoun
สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า subject pronoun คืออะไร ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้สรุปเนื้อหามาให้แล้ว ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย
Subject pronoun คืออะไร
Subject pronoun คือคำสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นประธานในประโยค ซึ่งหลักๆได้แก่ I, you, he, she, it, we, they
(คำว่า subject แปลว่า “ประธาน” ซึ่งก็คือ “ตัวละครหลักหรือสิ่งหลักในประโยค ซึ่งมักจะอยู่หน้าคำกริยา” ส่วนคำว่า pronoun นั้นแปลว่า “คำสรรพนาม” ซึ่งก็คือ “คำที่ใช้แทนคำนาม”)
Subject pronoun | ความหมาย | เอกพจน์/พหูพจน์ | รายละเอียดการใช้ |
---|---|---|---|
I | ผม, ฉัน, ดิฉัน | เอกพจน์ | ใช้แทนตัวผู้พูด |
You | คุณ, พวกคุณ | เอกพจน์, พหูพจน์ | ใช้แทนตัวคู่สนทนา ใช้ได้ทั้งคู่สนทนาคนเดียวและหลายคน |
He | เขา | เอกพจน์ | ใช้แทนบุคคลอื่นที่เป็นเพศชาย |
She | เธอ | เอกพจน์ | ใช้แทนบุคคลอื่นที่เป็นเพศหญิง |
It | มัน | เอกพจน์ | ใช้แทนสัตว์ สิ่งของ สิ่งที่เป็นนามธรรม |
We | พวกเรา | พหูพจน์ | ใช้แทนกลุ่มของผู้พูด |
They | พวกเขา, พวกมัน | พหูพจน์ | ใช้แทนกลุ่มบุคคลอื่น กลุ่มสัตว์ กลุ่มสิ่งของ กลุ่มของสิ่งที่เป็นนามธรรม |
Subject pronoun กับแกรมม่า
ในการใช้ subject pronoun นอกจากความหมายของคำแล้ว เรายังต้องคำนึงถึงหลักไวยากรณ์ (แกรมม่า) ด้วย ซึ่งหลักๆแล้วก็คือการเลือกใช้รูปคำกริยา
ใน present simple tense (รูปประโยคที่ใช้คำกริยาช่อง 1) การใช้ subject pronoun เอกพจน์ที่แทนบุรุษที่ 3 (บุคคลอื่นที่ไม่ใช่ตัวเราหรือคู่สนทนา) ซึ่งได้แก่ he, she, it เราจะต้องใช้คำกริยารูปเอกพจน์ (เช่น is, does, has, คำกริยาที่เติม s/es)
He lives in Bangkok.
เขาอยู่ในกรุงเทพฯ
She loves to dance.
เธอชอบเต้น
It looks yummy.
มันดูน่าอร่อย
แต่ถ้าเป็น subject pronoun อื่น ซึ่งได้แก่ I, you, we, they เราสามารถใช้คำกริยารูปปกติได้เลย
We live in Bangkok.
พวกเราอยู่ในกรุงเทพฯ
I love to dance.
ฉันชอบเต้น
They look yummy.
พวกมันดูน่าอร่อย
ตัวอย่าง subject pronoun ในประโยค
I แปลว่า “ผม, ฉัน, ดิฉัน” ใช้แทนตัวผู้พูด
I want to be a teacher.
ฉันอยากเป็นครู
You แปลว่า “คุณ, พวกคุณ” ใช้แทนคู่สนทนา
You are a good student.
คุณเป็นนักเรียนที่ดี
You are good students.
พวกคุณเป็นนักเรียนที่ดี
He แปลว่า “เขา” ใช้แทนบุคคลอื่นที่เป็นเพศชาย
John is my best friend. He lives in the same town with me.
จอห์นเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน เขาอาศัยอยู่ในเมืองเดียวกันกับฉัน
She แปลว่า “เธอ” ใช้แทนบุคคลอื่นที่เป็นเพศหญิง
Anne likes pizza, but she doesn’t like hamburger.
แอนชอบพิซซ่า แต่เธอไม่ชอบแฮมเบอร์เกอร์
It แปลว่า “มัน” ใช้แทนสัตว์ สิ่งของ หรือสิ่งที่เป็นนามธรรม
This song is new. It just released yesterday.
เพลงนี้เป็นเพลงใหม่ มันเพิ่งออกมาเมื่อวาน
We แปลว่า “พวกเรา” ใช้แทนกลุ่มผู้พูด
Tim and I went to the same school. We have known each other for 10 years.
ทิมกับฉันเคยเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน พวกเรารู้จักกันมานาน 10 ปี
They แปลว่า “พวกเขา, พวกมัน” ใช้แทนกลุ่มบุคคลอื่น กลุ่มสัตว์ กลุ่มสิ่งของ หรือกลุ่มของสิ่งที่เป็นนามธรรม
They invited me to the party.
พวกเขาได้ชวนฉันไปงานปาร์ตี้
แล้ว pronoun ชนิดอื่นมีอะไรบ้าง
ทำไมถึงต้องแบ่งชนิด pronoun
ที่ต้องมีการแบ่งชนิด pronoun ก็เพราะว่าในภาษาอังกฤษ pronoun จะมีการเปลี่ยนรูปตามหน้าที่ในประโยค
ยกตัวอย่างเช่นคำว่า I ซึ่งแปลว่า “ฉัน” จะใช้เป็นประธานในประโยค แต่ถ้าจะใช้เป็นกรรม (ผู้ถูกกระทำ) เราจะต้องใช้คำว่า me แทน
I bought a book.
ฉันซื้อหนังสือมาหนึ่งเล่ม
(ใช้ I เพราะเป็นประธานในประโยค)
He gave me a book.
เขาให้หนังสือแก่ฉันหนึ่งเล่ม
(เมื่อทำหน้าที่เป็นกรรม เราจะต้องใช้ me แทน เราจะไม่ใช้ He gave I a book.)
จากตัวอย่างนี้ คำว่า me เป็น pronoun ที่ทำหน้าที่เป็นกรรม เราจะเรียกมันว่า object pronoun (คำว่า object แปลว่า “กรรม”)
Pronoun ชนิดอื่นมีอะไรอีกบ้าง
ในภาษาอังกฤษ นอกจาก subject pronoun แล้ว ยังมี pronoun ชนิดอื่นๆอีก ซึ่งได้แก่
จบแล้วนะครับกับ subject pronoun ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจกันแล้วว่ามันคืออะไร ยังไงถ้ามีโอกาสก็พยายามฝึกใช้และทบทวนบ่อยๆนะครับ
อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time