คำว่า but เป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ทุกคนควรรู้ เพราะเป็นคำที่ใช้บ่อยมาก สำหรับใครที่ยังไม่ชัวร์ว่า but แปลว่าอะไร หรือใช้ยังไง ก็มาเรียนรู้กันที่นี่ได้เลย
ในบทความนี้ ชิววี่ได้เรียบเรียงเนื้อหาเกี่ยวกับ but ทั้งความหมาย หลักการใช้ ตัวอย่างประโยค รวมถึงข้อสับสนยอดฮิตอย่างการใช้คอมม่าหน้า but ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย
หลักการใช้ but
But แปลว่า แต่
But มีความหมายว่า “แต่” เป็นคำที่ใช้เชื่อมประโยค วลี หรือคำที่มีใจความขัดแย้งกัน หรือแตกต่างกัน
ตัวอย่างประโยค
Anne liked the popcorn, but she didn’t like the drink.
แอนชอบป็อปคอร์นนะ แต่เธอไม่ชอบเครื่องดื่ม
He is very cute but not very kind.
เค้าน่ารักมาก แต่ไม่ค่อยใจดีเท่าไรนัก
I am not a teacher but a librarian.
ฉันไม่ใช่ครู แต่เป็นบรรณารักษ์
But แปลว่า ยกเว้น
นอกจากความหมายว่า “แต่” but ยังแปลว่า “ยกเว้น” หรือ “นอกจาก” ได้อีกด้วย
But ในความหมายนี้มักจะอยู่หลังคำว่า all, everything, everyone, everybody, nothing, no one และ nobody
ตัวอย่างประโยค
Everyone but you is wearing a white shirt.
ทุกคนใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว ยกเว้นคุณ
Nobody but me goes to the gym everyday.
นอกจากฉันแล้ว ไม่มีใครเข้ายิมทุกวัน
All but the unripe mangoes are soft.
มะม่วงนิ่มทุกลูก ยกเว้นลูกที่ยังไม่สุก
สำนวน all but
สำหรับคำว่า all but ที่เป็นสำนวนภาษาอังกฤษ (idiom) ความหมายและการใช้จะฉีกออกไป ถือเป็นคำอีกความหมายหนึ่งเลย
คำว่า all but ถือเป็น adverb (คำกริยาวิเศษณ์) มีความหมายว่า “เกือบจะ” โดยความหมายและการใช้จะคล้ายกันกับคำว่า almost และ nearly
ตัวอย่างประโยค
My thesis has all but completed.
วิทยานิพนธ์ของฉันเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
She was all but dead when we found her.
เธอเกือบจะตายแล้วตอนที่พวกเราไปเจอเธอ
Jim is all but forgotten.
จิมเกือบจะถูกลืมแล้ว
การใช้คอมม่ากับ but
หลายคนมักจะสับสนว่า เมื่อใช้ but ที่แปลว่า “แต่” เราต้องใช้คอมม่า (comma หรือ , ) หน้า but ในกรณีไหนบ้าง ทำไมบางทีเราก็เห็นเค้าใช้คอมม่ากัน แต่บางทีก็ไม่ใช้
ถ้าอิงตามหลักแกรมม่า เราจะใช้คอมม่าหน้า but ก็ต่อเมื่อทั้งหน้าและหลัง but เป็น independent clause ซึ่งก็คือประโยคที่มีใจความสมบูรณ์ในตัวมันเอง
ไม่ต้องใช้คอมม่า ถ้าหน้าหรือหลัง but ไม่ใช่ประโยคที่มีใจความสมบูรณ์ (dependent clause)
She is rich but stingy.
เธอรวยนะแต่ขี้เหนียว
(She is rich เป็นประโยคใจความสมบูรณ์ แต่ stingy ไม่ใช่)
John is good-looking but not my type.
จอห์นดูดีนะ แต่ไม่ใช่สเปคฉัน
(John is good looking เป็นประโยคใจความสมบูรณ์ แต่ not my type ไม่ใช่)
ใช้คอมม่า ถ้าทั้งหน้าและหลัง but เป็นประโยคที่มีใจความสมบูรณ์ (independent clause)
I want to learn English, but I am very busy.
ฉันอยากเรียนภาษาอังกฤษ แต่ฉันยุ่งมาก
(ทั้ง I want to learn English และ I am very busy เป็นประโยคใจความสมบูรณ์)
Housework is boring, but it is necessary.
งานบ้านเป็นสิ่งน่าเบื่อ แต่มันก็จำเป็น
(ทั้ง housework is boring และ it is necessary เป็นประโยคใจความสมบูรณ์)
หลักการนี้สามารถนำไปใช้กับคำเชื่อมอื่นนอกจาก but ได้ด้วย เช่น and, or, so, yet เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม บางครั้งเราก็อาจจะเห็นบางคนไม่ได้ใช้คอมม่าตามหลักการนี้ อย่างเช่น ในการแชทหรือพิมพ์พูดคุยในโซเชียล ที่อาจจะไม่ค่อยเคร่งเรื่องแกรมม่า
หรือในงานเขียน ซึ่งคนเขียนอาจใส่คอมม่าเพื่อให้บางประโยคอ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้น หรือเอาคอมม่าออกเพื่อให้บางประโยคอ่านได้ราบรื่นขึ้น แม้ว่าจะขัดกับหลักการใช้คอมม่าข้อนี้ก็ตาม
แต่สำหรับคนที่ยังใช้ไม่คล่อง การฝึกเขียนโดยยึดตามหลักการให้ชินมือไว้ น่าจะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและเหมาะสมกว่า
จบแล้วนะครับกับหลักการใช้ but ในประโยค ทีนี้เพื่อนๆก็คงเข้าใจและใช้คำว่า but ได้อย่างมั่นใจมากขึ้นแล้วนะครับ
อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time