In, on, at เป็นคำบุพบท (preposition) ที่มักจะถูกนำไปใช้กับเวลาและสถานที่ ซึ่งหลายคนก็มักจะสับสน ว่าเราต้องใช้ตัวไหนในตอนไหนบ้าง
ในบทความนี้ ชิววี่ได้เรียบเรียงแนวทางการใช้ in, on, at กับเวลาและสถานที่ มาให้ทุกคนได้เรียนรู้กัน ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย
การใช้ in, on, at กับเวลา
การใช้ in, on, at กับเวลา จะมีรายละเอียดดังนี้
การใช้ in กับเวลา
ในการระบุเวลา เราสามารถใช้ in ได้กับ
เดือนและปี
เช่น We went to Singapore in May. (พวกเราไปสิงคโปร์เมื่อเดือนพฤษภาคม)
in January – ในเดือนมกราคม
in 2010 – ในปี 2010
ช่วงของวัน
เช่น I always exercise in the morning. (ฉันออกกำลังกายตอนเช้าเป็นประจำ)
in the morning – ในตอนเช้า
in the evening – ในตอนเย็น
in the afternoon – ในตอนบ่าย
แต่ถ้าเป็นตอนเที่ยงวันหรือเที่ยงคืน เราจะใช้ at แทน เช่น at noon (ตอนเที่ยง), at midnight (ตอนเที่ยงคืน)
การใช้ on กับเวลา
ในการระบุเวลา เราสามารถใช้ on ได้กับ
วันที่และวัน
เช่น I have a meeting on Friday. (ฉันมีประชุมวันศุกร์)
on May 26 – ในวันที่ 26 เดือนกุมภาพันธ์
on Monday – ในวันจันทร์
วันหยุด วันเทศกาล (แบบมีคำว่า day)
เช่น I will be at home on Christmas Day. (ฉันจะอยู่บ้านในวันคริตส์มาส)
on Christmas Day – ในวันคริสต์มาส
on Songkran Day – ในวันสงกรานต์
การใช้ at กับเวลา
ในการระบุเวลา เราสามารถใช้ at ได้กับ
การบอกเวลาว่ากี่โมง กี่นาที
เช่น I woke up at six o’clock. (ฉันตื่นตอน 6 โมง)
at six o’clock – ตอน 6 โมง
at 12.30 – ตอน 12.30 น.
เที่ยงวันและเที่ยงคืน
เช่น See you at noon! (เจอกันตอนเที่ยง)
at noon – ตอนเที่ยง
at midnight – ตอนเที่ยงคืน
วันหยุด วันเทศกาล (แบบไม่มีคำว่า day)
เช่น I usually celebrate with my family at Christmas. (ฉันมักจะฉลองคริสต์มาสกับครอบครัว)
At Christmas – ตอนคริสต์มาส
At Songkran – ตอนสงกรานต์
การใช้ in, on, at กับสถานที่
การใช้ in, on, at เพื่อบอกตำแหน่งและสถานที่ จะมีรายละเอียดดังนี้
การใช้ in กับสถานที่
ในการระบุตำแหน่งและสถานที่ เราสามารถใช้ in ได้กับ
เขตแดนต่างๆ เช่น หมู่บ้าน เมือง จังหวัด รัฐ ประเทศ ทวีป
เช่น I live in Bangkok. (ฉันอยู่ในกรุงเทพฯ)
in Popeye Village – ในหมู่บ้านป๊อปอาย
in Soi Phahonyothin 40 – ในซอยพหลโยธิน 40
in Las Vegas – ในเมืองลาสเวกัส
in Mae Sai – ในอำเภอแม่สาย
in Bangkok – ในกรุงเทพฯ
in New York – ในรัฐนิวยอร์ค
in Japan – ในประเทศญี่ปุ่น
in Europe – ในทวีปยุโรป
สถานที่หรือสิ่งทั่วไปที่มีขอบเขตชัดเจน
เช่น There is no one in the room. (ไม่มีใครอยู่ในห้องเลย)
in the room – ในห้อง
in the park* – ในสวนสาธารณะ
in the hospital* – ในโรงพยาบาล
in the building* – ในตึก
*การพูดถึงสถานที่ เราสามารถใช้ได้ทั้ง in และ at ความหมายที่ได้จะใกล้เคียงกัน แต่การใช้ in อาจหมายถึงการมีบทบาทหน้าที่ในสถานที่นั้นได้ด้วย เช่น My son is in the school. สามารถแปลว่า ลูกของฉันเป็นนักเรียนในโรงเรียน
ยานพาหนะประเภทรถยนต์ทั่วไป
เช่น I am in the taxi. (ฉันอยู่ในรถแท็กซี่)
in the car – ในรถยนต์
in the taxi – ในรถแท็กซี่
การใช้ on กับสถานที่
ในการระบุตำแหน่งและสถานที่ เราสามารถใช้ on ได้กับ
การระบุตำแหน่งสิ่งที่อยู่บนพื้นผิวของสิ่งอื่น
เช่น The pen is on the table. (ปากกาอยู่บนโต๊ะ)
on the table – บนโต๊ะ
on the chair – บนเก้าอี้
on the roof – บนหลังคา
on the tree – บนต้นไม้
บนถนนหรือพื้นที่ตามแนวถนน
The bank is on Ekkamai Road. (ธนาคารอยู่บนถนนเอกมัย)
on the road – บนถนน
on Phahonyothin Road – บนถนนพหลโยธิน
ชั้นของอาคาร
I work on the 3rd floor. (ฉันทำงานอยู่บนชั้น 3)
on the 2nd floor – บนชั้นสอง
on the 8th floor – บนชั้นแปด
ยานพาหนะประเภทขนส่งมวลชน จักรยาน และมอเตอร์ไซค์
เช่น I am on the train. (ฉันอยู่บนรถไฟ)
on the train – บนรถไฟ
on the bus – บนรถเมล์
on a bicycle – บนจักรยาน
on a bike – บนจักรยาน, บนมอเตอร์ไซค์
การใช้ at กับสถานที่
ในการระบุตำแหน่งและสถานที่ เราสามารถใช้ at ได้กับ
จุดตำแหน่งเฉพาะ
เช่น Meet me at that tree this evening. (เย็นนี้มาเจอฉันที่ต้นไม้ต้นนั้น)
at the table – ที่โต๊ะ
at the corner – ตรงมุม
at the tree – ตรงต้นไม้
สถานที่ทั่วไป
เช่น I met Tim at the park. (ฉันได้เจอทิมที่สวนสาธารณะ)
at the park – ที่สวนสาธารณะ
at the hospital – ที่โรงพยาบาล
at the building – ที่ตึก
ใช้บอกว่าเรียนหรือทำงานอยู่ที่ไหน
I work at PTT. (ฉันทำงานที่ปตท.)
at Bodindecha School – ที่โรงเรียนบดินเดชา
at Mahidol University – ที่มหาวิทยาลัยมหิดล
at Google – ที่กูเกิล
at PTT – ที่ปตท.
ใช้บอกที่อยู่
เช่น I live at 123/45 Soi Sukhumvit 39. (ฉันอยู่บ้านเลขที่ 123/45 ซอยสุขุมวิท 39)
at 340 Houston Street – ที่ 340 ถนนฮิวส์ตัน
เป็นยังไงบ้างครับกับการใช้ in, on, at กับเวลาและสถานที่ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจหลักการใช้ และสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ
อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time