เรื่อง article ในภาษาอังกฤษเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สร้างความสับสนให้กับหลายๆคนเป็นอย่างมาก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการใช้ article นั้นมีกฏหลายข้อ อีกทั้งยังมีข้อยกเว้นในบางกรณีอีกด้วย
สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่อง article ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ทั้งความหมาย หลักการใช้ ข้อยกเว้น และรายละเอียดอื่นๆที่จำเป็น มาให้ทุกคนได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย
Article คืออะไร
Article คือคำที่ใช้บอกถึงความชี้เฉพาะหรือไม่ชี้เฉพาะของคำนาม มีอยู่ด้วยกัน 3 ตัว คือ a, an, the
Article ที่ชี้เฉพาะ (definite article) ก็คือ the ใช้กับสิ่งที่ถูกระบุชี้ชัดว่าเป็นคนไหนหรือสิ่งไหน
The woman with pink shoes is very pretty.
ผู้หญิงคนที่ใส่รองเท้าสีชมพูนั้นสวยมาก
(คำว่า woman ในที่นี้ เราระบุชี้ชัดว่าเป็นคนที่ใส่รองเท้าสีชมพู เราจึงใช้ the)
Article ที่ไม่ชี้เฉพาะ (indefinite article) ก็คือ a และ an ใช้เมื่อเรากล่าวถึงสิ่งใดโดยทั่วไป ไม่ได้ระบุชี้ชัดว่าเป็นคนไหนหรือสิ่งไหน
A woman can be anything she wants to be.
ผู้หญิงสามารถเป็นได้ในสิ่งที่เธออยากเป็น
(คำว่า woman ในที่นี้ เราไม่ได้ระบุชี้ชัดว่าเป็นคนไหน เราจึงใช้ a)
หลักการใช้ article
นอกเหนือจากประเด็นในด้านคำนามชี้เฉพาะและไม่ชี้เฉพาะแล้ว คำว่า a, an, the ยังมีเงื่อนไขการใช้อย่างอื่นอีก
หลักการใช้ a และ an
เราจะใช้ a และ an เมื่อคำนามนั้นตรงกับเงื่อนไขทั้งหมดนี้
- เป็นคำนามไม่ชี้เฉพาะ
- เป็นคำนามเอกพจน์ (มีจำนวนหนึ่งหน่วย)
- เป็นคำนามนับได้
ความต่างของ a และ an
เราจะใช้ a เมื่อคำตามหลังไม่ได้ขึ้นต้นหรืออ่านออกเสียงเหมือนขึ้นต้นด้วย a, e, i, o, u มิเช่นนั้น เราจะต้องใช้ an แทน
ยกตัวอย่างเช่น เราจะใช้ a banana (banana ขึ้นต้นด้วย b ไม่ใช่ a, e, i, o, u) แต่จะใช้ an apple (apple ขึ้นต้นด้วย a) แต่คำบางคำอย่างเช่นคำว่า hour เราจะใช้ an hour เพราะเป็นคำพิเศษที่ออกเสียงเหมือนขึ้นต้นด้วย a, e, i, o, u
ถ้ามีคำคุณศัพท์ (adjective) เข้ามาขยายคำนาม อย่างเช่น red apple ซึ่งแปลว่าแอปเปิลแดง การเลือกใช้ a หรือ an เราจะยึดคำที่อยู่ตามหลังติดกับ a/an เป็นหลัก ซึ่งในที่นี้เราจะใช้ a red apple เพราะคำว่า red ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย a, e, i, o, u
เป็นคำนามไม่ชี้เฉพาะ
คำนามที่ใช้ a และ an ได้ จะต้องเป็นคำนามที่ไม่ชี้เฉพาะ คือเป็นการกล่าวถึงสิ่งใดๆโดยทั่วไป ไม่ได้ระบุชี้ชัดว่าเป็นอันไหน
He is a teacher.
เขาเป็นครู
(คำว่า teacher ในที่นี้ เป็นการกล่าวถึงอาชีพครูโดยทั่วไป ไม่ได้ระบุชี้ชัดว่าเป็นครูคนไหน)
He is an engineer.
เขาเป็นวิศวกร
(คำว่า engineer ในที่นี้ เป็นการกล่าวถึงอาชีพวิศวกรโดยทั่วไป ไม่ได้ระบุชี้ชัดว่าเป็นวิศวกรคนไหน)
เป็นคำนามเอกพจน์
คำว่า a และ an นอกจากจะเป็นตัวบอกถึงความไม่ชี้เฉพาะแล้ว ยังทำหน้าที่บอกปริมาณของคำนามอีกด้วย โดยจะมีความหมายว่า “หนึ่งหน่วย” เช่น
A cat – แมวหนึ่งตัว
A person – คนหนึ่งคน
An apple – แอปเปิลหนึ่งลูก
I have a pen.
ฉันมีปากกาหนึ่งด้าม
I bought an orange.
ฉันซื้อส้มมาหนึ่งลูก
เราไม่สามารถใช้ a และ an กับคำนามที่เป็นพหูพจน์ได้ อย่างเช่น เราจะไม่ใช้ a carrots
เป็นคำนามนับได้
เราสามารถใช้ a และ an โดยตรงได้กับคำนามนับได้เท่านั้น ถ้าเป็นคำนามนับไม่ได้ เราจะต้องใช้หน่วยเฉพาะเข้ามากำกับโดยใช้โครงสร้าง “a/an + หน่วยเฉพาะ + of + คำนามนับไม่ได้” อย่างเช่น
A glass of water – น้ำหนึ่งแก้ว
A bag of flour – แป้งหนึ่งถุง
An inch of hair – ผมหนึ่งนิ้ว
หลักการใช้ the
เราจะใช้ the เมื่อคำนามนั้นตรงกับเงื่อนไขทั้งหมดนี้
- เป็นคำนามชี้เฉพาะ
- เป็นคำนามเอกพจน์ (มีจำนวนหนึ่งหน่วย) หรือพหูพจน์ (มีจำนวนตั้งแต่ 2 หน่วยขึ้นไป)
- เป็นคำนามนับได้หรือนับไม่ได้
เป็นคำนามชี้เฉพาะ
เราจะใช้ the กับคำนามที่ชี้เฉพาะ ซึ่งก็คือสิ่งที่เราระบุชี้ชัดว่าเป็นอันไหน
The sun rises in the east.
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก
(ทั้งพระอาทิตย์และทิศตะวันออกเป็นสิ่งที่มีเพียงหนึ่งเดียว เรารู้กันอยู่แล้วว่าหมายถึงอันไหน)
Where did you park the car?
คุณจอดรถไว้ที่ไหน
(คำว่า car ในที่นี้ ทั้งผู้พูดและผู้ฟังรู้ว่าหมายถึงคันไหน)
เป็นคำนามเอกพจน์หรือพหูพจน์
เราสามารถใช้ the กับคำนามที่เป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ได้ คำว่า the ไม่ได้เป็นตัวบอกปริมาณ
เป็นคำนามนับได้หรือนับไม่ได้
เราสามารถใช้ the ได้ทั้งกับคำนามนับได้และนับไม่ได้
ข้อยกเว้น
เรามักจะใช้ the กับคำนามบางชนิด แม้ไม่ได้เป็นคำนามที่ชี้เฉพาะ อย่างเช่น สิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน สิ่งประดิษฐ์ เครื่องดนตรี
I use the internet every day.
ฉันใช้อินเตอร์เน็ตทุกวัน
(ใช้ the แม้จะเป็นการกล่าวถึงอินเตอร์เน็ตโดยทั่วไป)
The computer has changed the world in many different ways.
คอมพิวเตอร์ได้เปลี่ยนแปลงโลกในหลายๆทาง
(ใช้ the แม้จะเป็นการกล่าวถึงคอมพิวเตอร์โดยทั่วไป)
The violin is probably the world’s most popular instrument.
ไวโอลินอาจเป็นเครื่องดนตรีที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก
(ใช้ the แม้จะเป็นการกล่าวถึงไวโอลินโดยทั่วไป)
Determiners คำอื่น
Determiners คือคำนำหน้าคำนาม ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำนาม เช่น บอกปริมาณ บอกความเป็นเจ้าของ ตัวอย่าง determiners ก็อย่างเช่น a, an, the, this, that, some, any, much, many, my, your, his, her, ตัวเลข (one, two, three, …)
เราจะเห็นได้ว่า คำว่า a, an, the ก็ถือเป็น determiners เช่นกัน ทั้งนี้ เราจะไม่ใช้ a, an, the เมื่อมีการใช้ determiners คำอื่น อย่างเช่น
This dog is cute.
หมาตัวนี้น่ารัก
(เราจะไม่ใช้ The this dog is cute.)
My umbrella is black.
ร่มของฉันสีดำ
(เราจะไม่ใช้ My the umbrella is black.)
เป็นยังไงบ้างครับกับการใช้ article a, an, the ในภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ
อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time