• Skip to primary navigation
  • Skip to main content
  • Skip to primary sidebar
  • Skip to footer
Meowdemy Logo

Meowdemy

เรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบชิวๆกับชิววี่

  • หน้าแรก
  • บทความ
  • เกี่ยวกับเรา

หลักการเติม s และ es หลังคำกริยา พร้อมตัวอย่าง

อัพเดท 04/09/2022 | โพสต์ 04/11/2020 | by ชิววี่

การเติม s และ es หลังคำกริยา

ใน present simple tense คำกริยาจะมี 2 รูปคือเอกพจน์และพหูพจน์ ซึ่งรูปเอกพจน์นั้นจะเป็นรูปที่ต้องเติม s/es ท้ายคำกริยา อย่างเช่น eats, walks, goes

อย่างไรก็ตาม การเติม s/es หลังคำกริยา ก็จะมีความต่างกันอยู่ โดยที่บางคำนั้นจะต้องเติม s ส่วนบางคำจะต้องเติม es และบางคำก็มีรูปเอกพจน์ที่ต่างจากพหูพจน์โดยสิ้นเชิง

สำหรับคนที่ยังไม่แม่นเรื่องการเติม s/es ท้ายคำกริยา ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงหลักการมาให้ได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆแล้ว เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

ทบทวนความรู้
คำกริยารูปเอกพจน์ได้แก่ is, does, has, คำกริยารูปที่เติม s/es
คำกริยารูปพหูพจน์ได้แก่ are, do, have, คำกริยารูปที่ไม่ได้เติม s/es

ใน present simple tense เราจะใช้คำกริยารูปเอกพจน์ กับคำนามเอกพจน์ เช่น Tim walks to school every day. และจะใช้คำกริยารูปพหูพจน์ กับคำนามพหูพจน์ เช่น My friends walk to school every day.

ข้อควรระวัง
อย่าสับสนระหว่างพจน์ของคำนามและพจน์ของคำกริยา
คำนามเอกพจน์ คือคำนามที่ไม่ได้เติม s/es อย่างเช่น student, cat, table
คำนามพหูพจน์ คือคำนามที่เติม s/es อย่างเช่น students, cats, tables

ในทางกลับกัน
คำกริยาเอกพจน์ คือคำกริยาที่เติม s/es อย่างเช่น eats, walks, goes
คำกริยาพหูพจน์ คือคำกริยาที่ไม่ได้เติม s/es อย่างเช่น eat, walk, go

เวลาใช้ เราจะต้องใช้คำนามเอกพจน์กับคำกริยาเอกพจน์ และใช้คำนามพหูพจน์กับคำกริยาพหูพจน์
หรือถ้าจะจำแบบง่ายๆก็คือ เราจะเติม s/es คำนามและคำกริยาสลับกัน ถ้าคำนามเติม s/es คำกริยาก็ไม่ต้องเติม แต่ถ้าคำนามไม่ได้เติม s/es คำกริยาก็จะต้องเติมแทน ยกตัวอย่างเช่น
My cat eats very fast. (แมวของฉันกินเร็วมาก)
My cats eat very fast. (บรรดาแมวๆของฉันนั้นกินเร็วมาก)

(จริงๆแล้ว คำนามพหูพจน์บางคำก็ไม่ได้ลงท้ายด้วย s/es หลักการนี้ใช้เพื่อให้จำได้ง่ายเท่านั้น)

หลักการเติม s และ es หลังคำกริยา

การใช้คำกริยารูปเอกพจน์ เราจะต้องเติม s หรือ es หลังคำกริยา ซึ่งจะมีหลักการทั้งหมด 5 ข้อดังนี้

1. คำกริยาส่วนใหญ่ให้เติม s ต่อท้ายได้เลย

คำกริยาส่วนใหญ่ เมื่อใช้เป็นรูปเอกพจน์ ให้เติม s ต่อท้ายได้เลย ยกตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมาย
ComesComeมา
EatsEatกิน
LovesLoveรัก
RunsRunวิ่ง
WalksWalkเดิน

2. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย ch, ss, sh, x หรือ zz ให้เติม es

คำกริยาที่ลงท้ายด้วย ch, ss, sh, x หรือ zz เมื่อใช้เป็นรูปเอกพจน์ ให้เติม es ต่อท้าย ยกตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมาย
WatchesWatchดู
KissesKissจูบ
WashesWashล้าง, ซัก
FixesFixซ่อม, ติด
BuzzesBuzzร้องเสียงหึ่ง

3. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย o ให้เติม es

คำกริยาที่ลงท้ายด้วย o เมื่อใช้เป็นรูปเอกพจน์ ให้เติม es ต่อท้าย ยกตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมาย
DoesDoทำ
GoesGoไป

4. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วค่อยเติม es

คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y เมื่อใช้เป็นรูปเอกพจน์ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es ต่อท้าย ยกตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมาย
CriesCryร้องไห้
FliesFlyบิน
HurriesHurryรีบเร่ง
StudiesStudyเรียน
RepliesReplyตอบ

แต่ถ้าหน้า y เป็นสระ (a, e, i, o, u) ให้เติม s แทน es อย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมาย
AnnoysAnnoyทำให้รำคาญ
BuysBuyซื้อ
EnjoysEnjoyเพลิดเพลิน, สนุก
PaysPayจ่าย
PlaysPlayเล่น

5. คำกริยาบางคำจะมีรูปเอกพจน์เฉพาะ

คำกริยาบางคำก็มีรูปเอกพจน์เฉพาะตัว ยกตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมาย
IsAre
Be
เป็น, อยู่, คือ
HasHaveมี

จบแล้วนะครับกับการเติม s และ es หลังคำกริยา ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถใช้คำกริยารูปเอกพจน์ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ


อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next timeไอคอนหน้าแมวยิ้ม

Primary Sidebar

Footer

ชิววี่พูดว่า มาเรียนภาษาอังกฤษกันเถอะ
Meowdemy
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อเรา
ความเป็นส่วนตัว
ข้อตกลงการใช้งาน
ติดตามเรา
meowdemy facebook link meowdemy facebook link
Copyright © 2025 Meowdemy.com